เลขาฯ กกต. รับผิดพลาดจริง ปมเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร กรุงลอนดอน พิมพ์รูปผู้สมัครสลับกัน แต่แก้ไขแล้ว ส่วนซูดาน คนไทยที่อพยพกลับไม่ถือเป็นผู้เสียสิทธิ เร่งศึกษาข้อกฎหมาย หาช่องให้ใช้สิทธิก่อนกลับ
วันนี้ (24 เม.ย.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และ นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการ กกต. ร่วมกันแถลงถึงการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่ทางกองทัพไทย ได้ส่งเครื่องบินไปรับคนไทยที่อยู่ซูดานกลับมาหลังมีการสู้รบกัน ว่า กฎหมายได้เขียนในเรื่องลักษณะนี้ที่จะเกิดขึ้นคือเมื่อมีเหตุจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัย หรือเหตุจำเป็นอื่นๆ ก็สามารถกำหนดวันลงคะแนนใหม่ได้ 2 ครั้ง ถ้ายังเกิดเหตุอยู่ครั้งที่ 3 ก็ให้งดการลงคะแนนได้ เหตุที่ซูดานน่าจะเข้าตามเกณฑ์กฎหมาย และให้ถือว่าผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ไว้นั้นไม่เป็นผู้เสียสิทธิที่แจ้งเหตุว่าไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือต้องยุติไปเลย นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางสำนักงานฯได้พิจารณาว่าจะมีข้อกฎหมายใดบ้างที่จะให้ผู้ที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้ของซูดาน สามารถใช้สิทธิได้ ต้องดูช่องทางของกฎหมายก่อน แต่เบื้องต้นทุกคนที่ได้ลงทะเบียนที่ซูดาน ถือว่าเขาได้เป็นผู้แจ้งเหตุไม่สามารถไปใช้สิทธิได้แล้ว เมื่อกฎหมายกำหนดไว้เช่นนี้ในเบื้องต้นเขาจะไม่ใช่เป็นผู้ถูกจำกัดสิทธิเพียงแต่ว่าเขาจะสามารถใช้สิทธิได้หรือไม่ต้องไปดูช่องทางกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะให้เขาเลือกตั้งก่อนกลับไทย นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ด้วยว่าจะสามารถจัดให้เขาลงคะแนนได้หรือไม่ เรื่องนี้เรากำลังศึกษาอยู่ ซึ่งมีจำนวนผู้ลงทะเบียน 94 คนเท่านั้นเอง ถ้าจะจัดให้เลือกตั้งได้เรากำลังประสานกับกรมการกงสุลในเรื่องการอพยพต่างๆ
ส่วนกรณีประกาศที่ออกโดยเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน พิมพ์รูปผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต11 สลับรูปกัน สำหรับเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรผิดพลาด นายแสวง ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษยอมรับว่ามีความผิดพลาด แต่เราได้ทราบเรื่องและแก้ไขโดยส่งฉบับที่ถูกต้องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปแล้ว และได้ตรวจสอบที่สถานทูตอื่น ซึ่งที่ประเทศอังกฤษจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเยอะแล้วพอได้รับเอกสารแล้ว ท่านก็ส่งเลย แต่ที่ประเทศอื่นฉบับที่เราแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่งไปถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนไว้ โดยไม่ได้ส่งฉบับที่ผิดพลาดรอบแรกไป และเท่าที่ได้ตรวจสอบกับทางสถานทูตและสถานกงสุลมีแค่ที่อังกฤษที่ผิดพลาด