ปมนาฬิกายืมเพื่อน“ดร.ณัฎฐ์” มือกฎหมายมหาชนคนดัง ชี้ ศาลปกครองสูงสุดสั่ง ปปช.ให้เปิดเผยข้อมูล “พล.อ. ประวิตร”ยิ่งดิ้น ทำให้คะแนนนิยมลดฮวบ ไม่ติดฝุ่น ก้าวข้ามความขัดแย้งกับจดหมายน้อย ฉบับที่ 10 สวนทางกัน
วันที่ 22 เมษายน 2566 จากกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาโดยมีคำสั่งให้ ปปช.เปิดผลรายงานการสอบสวนคดีนาฬิกาเพื่อนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถูกกล่าวหา 3 ฉบับ ภายใน 15 วันตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา ได้แก่ รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ปปช.ทุกคนที่รับผิดชอบ และรายงานการประชุมของคณะกรรมการ ปปช.ที่เกี่ยวข้อง ตามที่นายวีระ สมความคิด ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องขอให้เปิดเผย ตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฎฐ์”มือกฎหมายมหาชนคนดัง โดยท่านได้อธิบายและให้ความรู้ด้านกฎหมายมหาชนว่า คำสั่งศาลปกครองสูงสุดถึงที่สุดแล้ว ปปช.ผู้ถูกฟ้องจะต้องปฎิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดภายใน 15 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา โดยศาลปกครองมีคำพิพากษาวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ข้อมูลข่าวสารของราชการ ตามบทนิยามมาตรา 4 จะต้องเป็นเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ โดยข้อกฎหมายที่ไม่ต้องเปิดเผย จะต้องเข้าหลักเกณฑ์ มาตรา 14 ที่อาจเกิดความเสียหายต่อสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะในข้อกฎหมายมาตรา 15 หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยหรือไม่ก็ได้ โดยคำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ ประโยชน์สาธารณะและประโยชน์ของเอกชน ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย อาทิ การเปิดเผยกระทบต่อความมั่นคงของชาติหรือ ตามมาตรา 15 (2) การเปิดเผยทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสารหรือไม่ก็ได้ หรือกรณีอีก ที่หน่วยงานรัฐไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร กรณีหนึ่ง มาตรา15 (6) ข้อมูลข่าวสารราชการที่มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือข้อมูลข่าวสารที่มีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทางราชการนำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น..” หากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐปฎิเสธคัดถ่ายเอกสารสำนวนคดี ปปช. จะต้องใช้ช่องทาง มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน คือ การอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง หากคณะกรรมการมีความเห็นไม่อนุญาต ถือว่าเป็นการยืนคำสั่งคณะกรรมการฯอุทธรณ์ การใช้อำนาจหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีผลกระทบต่อนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคล อันเป็นการระงับสิทธิของผู้ขอตรวจสอบ ถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครอง ตามความมาตรา 5 แห่ง พรบ.วิธีปฎิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 คำสั่งทางปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง(1) แห่ง พรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ส่วนปมนาฬิกายืมเพื่อน นายวีระฯภาคประชาชนขอตรวจสอบแล้ว ปปช.ไม่อนุญาต อุทธรณ์คำสั่งแล้ว ไม่อนุญาตอีก จึงมาใช้สิทธิ์ฟ้องเพิกถอนคำสั่งต่อศาลปกครอง โดยคดีถึงที่สุดแล้ว ปปช.จะต้องปฎิบัติตามคำสั่งศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปิดเผยข้อมูลปมนาฬิกาในช่วงหาเสียงเลือกตั้งมีผลต่อคะแนนนิยมของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ “ดร.ณัฎฐ์”มือกฎหมายมหาชนคนดัง กล่าวว่า ก่อนอื่นตนต้องปฎิบัติตามกฎหมายเลือกตั้ง ห้ามชี้นำประชาชนว่าจะเลือกใคร พรรคการเมืองใด ส่วนคำว่า “คะแนนนิยม” หมายถึง ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมีความเชื่อมั่นต่อผู้นำทางการเมือง โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เสนอตัวเป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 วรรคหนึ่ง ปมนาฬิกายืมเพื่อน ที่ชี้แจง ปปช.จะต้องถูกตรวจสอบจากภาคประชาชน ในเมื่อ ปปช.ชี้มูลว่า ไม่ผิด จึงเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในตัวผู้นำ จึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับคะแนนนิยมโดยตรง หากนำมาเปิดเผยในช่วงนี้ ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยว่า ปกปิดทรัพย์สินหรือไม่ อย่างไร โดยไปออกช่องทางว่า “ยืมเพื่อน” ตรงนี้ ประชาชนจะไว้วางใจให้เป็นผู้นำหรือไม่ ตายเพราะนาฬิกายืมเพื่อน เหตุผลตรงนี้ จะนำไปเป็นกระบวนตัดสินใจ ในวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง ส่วนที่ พล.อ.ประวิตรฯ ใช้แคมเปญหาเสียง “ก้าวข้าวความขัดแย้ง” จะเห็นได้จากการออกจดหมายน้อยหลายฉบับ ฉบับสุดท้าย คือ ฉบับที่ 10 จะมีภาคต่อไปอีก ตนว่าฉบับที่ 10 เป็นการ เอาดีใส่ตัว เอา...ใส่คนอื่น เรื่อง เปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ทำให้เห็นถึงการลงสนามเลือกตั้งแข่งขัน ตัดพี่ตัดน้อง ไหนว่า “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” ประชาชนเขามองออก โดยเฉพาะนายเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทย ปราศรัยวานนี้ ที่ลานกีฬาอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เย้ย ไม่จับมือกับรัฐประหาร พปชร.-รสทช.แค่เรือเล็ก อย่าริลอยข้างเรือลำใหญ่ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ร่วมกันแน่นอน แต่ขุนพล พปชร.อย่างนายวิรัช รัตนเศรษฐ ออกมาเปิดเผยว่า นายทักษิณ ชินวัตร จะเสนอ พล.อ.ประวิตรฯ เป็นนายกรัฐมนตรี พี่น้องประชาชนยังจดจำได้หรือไม่ แต่วันนี้ขุนพลเพื่อไทยกลับมาสวนหมัด ทำไมลุงป้อม ผู้มากบารมี ไม่เขียนจดหมายน้อยแก้ตัวบ้างล่ะ หรือว่า เจ็บใจเพียงประยุทธ์น้องรักเท่านั้น ซึ่งสวนทางกับสุภาพบุรุษทางการเมือง ไร้จุดยืนทางการเมือง ยิ่งออกจดหมายน้อยหลายฉบับ เป็นเชือกกล้วยมัดตัวเอง ประชาชนมองเกมการเมืองออก เอาดีใส่ตัว เอา...ใส่คนอื่น คะแนนนิยมยิ่งลดฮวบ ไม่เห็นฝุ่น ในทางกลับกัน ไปเพิ่มคะแนนนิยมไปที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะอาศัยฐานการเมืองเดียวกัน ให้ดูตัวอย่าง การเลือกตั้งผู้ว่าราชการที่ผ่านมา เละไม่เป็นท่า ทำให้นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ คะแนนพุ่งไปล้านสามกว่า ไม่เห็นฝุ่น น็อคทุกเขต ที่ตนให้สัมภาษณ์นี้ ไม่ได้ดิสเครดิตพรรคพลังประชารัฐ พูดตามหลักวิชาการ ดังนั้น หากนายวีระ สมความคิด นำมาเอกสารปมนาฬิกายืมเพื่อน มาปิดเผยในช่วงนี้ รับรองว่า พังทั้งแถบ กระแสลดฮวบ คะแนนนิยมพุ่งเหมือนกัน แต่พุ่งออกไปนอกรันเวย์ ให้พี่น้องประชาชน ย้อนกลับไปดูพรรคทหารนอดีต ซึ่งเป็นพรรคเฉพาะกิจ เหล่านี้ ได้แก่ พรรคเสรีมนังคศิลา ของจอมพล ป.พิบูล สงคราม และจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ พรรคสหประชาไทย ของจอมพลถนอม กิตติขจรและพลเอกประภาส จารุเสถียร พรรคสามัคคีธรรม ของนายณรงค์ วงศ์วรรณ สนับสนุน คณะแกนนำ รสช.สมัยนั้น ไม่ต่างจากพรรคเสรีมนังคศิลาและพรรคสหประชาไท ส่วนพรรคมาตุภูมิ ของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ตั้งขึ้นมารองรับประธาน คมช.ไปไม่รอด ไม่ต่างจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นไปอุดมการณ์ทางการเมืองและสภาวะบริบทของบ้านเมืองในขณะนั้น
ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ขัดข้อง หาก ปปช.จะเปิดเผยข้อมูลสำนวนคดีนี้ ตนเห็นว่า หาก พล.อ.ประวิตรฯ โปร่งใส ตรวจสอบได้ เหมือนกับนโยบายก้าวความขัดแย้ง ควรเปิดเผยมาตั้งนานแล้ว ไม่ต้องให้ นายวีระฯ ไปฟ้องศาลปกครอง ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ตั้งข้อสงสัยว่า นาฬิกา นั้นเป็นของใคร ปมนาฬิกาที่อ้างว่ายืมเพื่อน เป็นการยืมใช้คงรูป ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ วันนี้ พล.อ.ประวิตรฯบอกว่าไม่ขัดข้อง จะขัดข้องได้อย่างไร เพราะเป็นคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ถึงที่สุดแล้ว เลขาธิการ ปปช.จะต้องคัดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด สำนวนเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ ปปช. แม้นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ปปช.ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่แน่ใจว่า จะเปิดเผยหรือไม่ พูดง่ายๆ จะดิ้นหาทางออกไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ตนจะสอนมวยให้ ปัญหาคำวินิจฉัยของศาล มีคณะกรรมการชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลและการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูฯตีความ จะต้องดำเนินการก่อนศาลปกครองสูงสุดชี้ขาด ไม่ใช่ว่าคดีถึงที่สุดแล้ว บอกว่าจะไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูฯตีความอีก ทั้งปัญหาควาชอบด้วยกฎหมาย การขัดกันระหว่างกฎหมาย หากนำไปใช้ในคดี จะต้องยื่นก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะวินิจฉัยชี้ขาด เพราะเป็นส่วนหนึ่งของอำนาจของศาล อย่ามั่ว หากนายนิวัติไชยฯ บอกว่า ยังไม่เห็นคำวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ ต้องรอดูข้อมูลก่อน เป็นการเปิดเผยตามกฎหมายเรื่องใด มีประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งทางรัฐธรรมนูญ จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตนมองว่า หากนายนิวัติไชยฯ ตะแบง ไล่ให้ไปอ่านข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญและแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเยอะ ปัญหาความชอบด้วยกฎหมายระหว่างพระราชบัญญัติกับพระราชบัญญัติ อะไรที่จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้บ้าง และใครเป็นผู้มีอำนาจเสนอคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ไปดูบรรทัดฐานคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจศาลด้วย จะได้มีความเข้าใจยิ่งขึ้น จะได้ตอบคำถามสื่อได้ถูกต้อง การดิ้น ไม่เปิดเผยข้อมูล ตามคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยดึงเวลา จะไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ไม่อาจเป็นการทุเลาการบังคับคดีปกครองได้ หากดิ้นพล่าน ในลักษณะนี้ จะเสียมวย เสียภาพลักษณ์ขององค์กร เชื่อว่า ปปช.ชุดใหญ่ไม่เอาด้วย ต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและผลประโยชน์สาธารณะ อย่าลืมว่า ปปช.เป็นองค์กรอิสระหนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ จะต้องทำงานให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น เฉพาะการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเท่านั้นที่จะคุ้มครอง ปปช. หาก ปปช.เจ้าหน้าที่ ปปช.ใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ไม่สุจริต ดาบนั้นจะคืนสนอง ส่งผลโดยตรง ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในองค์กร ปปช.ส่งผลกระทบโดยตรงในคะแนนนิยมในตัว พล.อ.ประวิตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ อย่างยิ่ง เลี่ยงไม่ได้ ชนิดว่า กู่ไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี พระสยามเทวาธิราชในสยามประเทศมีจริง