“สามารถ” ย้อน “พิธา” ประกาศไม่ร่วมรัฐบาล “บิ๊กป้อม” - ดันแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เจตนาสร้างความขัดแย้งในสังคม มั่นใจกระแส “ลุงป้อม” ดีขึ้น
นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช โฆษกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีต ผช.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ผ่านไลฟ์สดเฟซบุ๊กส่วนตัว สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ในรายการสามารถ 5 นาที
โดย นายสามารถ ได้ออกมาพูดในเรื่อง มีพ่อแม่พี่น้องส่งคลิป นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ไปออกรายการคุณสรยุทธ์ ช่อง 3 แล้วพาดพิง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บอกว่า จะไม่จับมือกับสองลุง พร้อมกล่าวว่า พรรคตัวเองเป็นตัวตึงในการจัดตั้งรัฐบาล ในคำพูด มีลุงไม่มีเรา
ตนเองคิดว่า คำพูดนี้เป็นการขัดแย้งอย่างชัดเจนในสังคม ที่ตนเองเป็นห่วงอีกเรื่อง คือ เรื่องที่นายพิธา พูดในรายการบอกจะขยายฐาน คำว่าขยายฐานคืออะไร หากเป็นการขยายฐานความคิดที่ผิด เช่น การต่อต้านความจงรักภักดี หรือ ขยายฐานให้มีการชุมนุมบนถนน
ในช่วงหนึ่งที่ นายพิธา กล่าวว่า การเมือง หรือ การเรียกร้องบนท้องถนน ยังต้องมี ซึ่งตนเองเห็นว่า ไม่สมควร การชุมนุมบนถนนไม่ได้ หากต้องการเรียกร้องสิทธิของตนเอง มีพื้นที่ให้ชุมนุมไม่ใช่บนท้องถนน นั่นคือ สิ่งที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายในอนาคตหรือไม่
แต่สิ่งที่ทำให้ตนเองเป็นห่วงมากและพูดมาเสมอ ถ้าหากจะขยายฐานในเรื่องมาตรา 112 ซึ่งมาตรา 112 เป็นประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติให้เป็นความผิด เรามีเรื่องอื่นที่ถูกบังคับ เช่น ในสนามบิน เพียงแค่พูดคำว่าระเบิด ก็จะถูกจับ เป็นเรื่องความมั่นคงในสนามบิน หากใครพูดระเบิดกันหมด ก็จะเกิดความวุ่นวาย
ส่วนที่ คุณพิธา และพรรคก้าวไกล พูดถึงมาตรา 112 ที่จะมีการปรับโทษให้น้อยลง แก้โทษให้ผู้แจ้งดำเนินคดีได้ต้องเป็นสำนักพระราชวัง นั่นหมายความว่า หากมีใครล่วงละเมิดมาตรา 112 สถาบันจะต้องมานั่งทะเลาะกับประชาชน ทำให้สถาบันวุ่นวายซึ่งมันไม่ควร
สิ่งสำคัญสถาบันอยู่เหนือการเมืองมาตลอด ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับแรก เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2475 บัญญัติชัดเจน ว่า ผู้ใดจะฟ้องร้องกษัตริย์มิได้ ฉะนั้น เรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยมันไม่ได้เกี่ยวกับการแก้มาตรา 112 นั่นคือ สิ่งที่ตนเองต้องสื่อไปยังคุณพิธา
แล้วการที่ คุณพิธา บอกจะไม่ร่วมมือยุ่งเกี่ยวกับ พล.อ.ประวิตร นั้น ผมก็ชัดเจนว่า พล.อ.ประวิตร ก็ไม่จับมือกับกลุ่มที่แก้มาตรา 112 ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้ออกมาพูดอยู่หลายครั้ง และผู้ใหญ่ในพรรคก็ออกมาลงความเห็นเดียวกัน เพราะเหตุนี้ตนเองถึงบอกว่าที่น่ากลัวที่สุด คือ สิ่งที่ นายพิธา ได้ขยายฐานความคิดที่ผิด แล้วเราจะเอาอำนาจไปไว้กับมือคนที่ไม่มีประสบการณ์ และมีความผิดแบบนี้ ตนเองคิดว่าประเทศชาติจะมีปัญหา
ตนเองมั่นใจวันนี้ในขณะที่ตนเองลงพื้นที่อยู่ จังหวัดร้อยเอ็ด กระแสท่าน พล.อ.ประวิตร เริ่มดีขึ้น กระแสในพื้นที่ผู้สมัครหาเสียงง่ายขึ้น สิ่งสำคัญที่ตนเองพูดเสมอว่า พล.อ.ประวิตร เหมาะกับการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะท่านสามารถเป็นโซ่กลางในการยุติความขัดแย้งและเป็นบุคคลที่จงรักภักดี และยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สถาบันหลักของชาติ แต่ในทางกลับกัน ผู้สมัครพรรคก้าวไกล ผมไม่เห็นเดินออกมาหาเสียงเลย สงสัยอับอาย ที่มีคนอย่างนายพิธาเป็นหัวหน้าพรรค เพราะคนไทยทุกคนมีรากเหง้า และรู้ดีว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ