xs
xsm
sm
md
lg

ดูลีลาสองลุง ต่อกร “อุ๊งอิ๊ง” มวยเชิง-มวยบู๊ “ดูหน้าไว้” ใครจับ-ไม่จับใครหลังเลือกตั้ง **“พี่เต้”ไอเดียตรงกับ “พี่เอิร์ธ ปชป.” เรื่องเปิดสถานบริการ sex worker แปลงส่วยเป็นภาษีอย่างนี้ก็ไปกันได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ดูลีลาสองลุง ต่อกร “อุ๊งอิ๊ง” มวยเชิง-มวยบู๊ “ดูหน้าไว้” ใครจับ-ไม่จับใครหลังเลือกตั้ง

เรื่องพรรคไหนจะจับ-ไม่จับมือกะใครจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นประเด็นออกมาแล้วดรามาล่าสุดก็กรณีที่ “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เอื้อนเอ่ยวาจาให้“ดูหน้าดิฉันไว้ใครจะอยากจับมือคนทำรัฐประหาร”

แม้“อุ๊งอิ๊ง” จะไม่ได้พูดชื่อ “คนทำรัฐประหาร” ออกมาโต้งๆ แต่เชื่อว่า ใบหน้าของสองลุง พี่น้อง 3 ป. แห่ง คสช.ที่ พ.ศ.นี้แยกย้ายกันดูแล 2 พรรคคู่แข่งเพื่อไทย ก็ลอยเด่นมาแต่ไกล

ทั้ง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติและ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แคนดิเดตนายกฯของพรรค เป็นลุงสองคนที่ “อุ๊งอิ๊ง” ไม่อยากจับมือด้วยนั่นแหละ

พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา
วันก่อน “ลุงป้อม” ตอบ “อุ๊งอิ๊ง” กลายๆ ด้วยจดหมายรัก ฉบับที่9 ส่งความนัยว่า เรื่อง “จับ-ไม่จับ” ตอนนี้การเมืองไทยมีความซับซ้อน “การจัดตั้งรัฐบาล” ควรจะทำอย่างไร ต้องเริ่มจาก “ผลการเลือกตั้ง” แล้วค่อยไปสู่ขั้นตอนเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อ “เลือกนายกรัฐมนตรี” หลังจากนั้นจึงมีการจัดตั้งรัฐบาล เป็นการหาความตกลงร่วมกันว่า พรรคไหนจะร่วมกับพรรคไหน ในวิถีที่ควรจะเป็น คือ จะต้องรวมกันแล้วมีเสียงส.ส.อย่างน้อย ต้องมากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร คือเกินกว่า 250 เสียง

“ลุงป้อม” อธิบายตามหลัก แต่ในทางปฏิบัติจริงคลุกวงในย่อมมีประเด็นที่ต้องมาพิจารณาซับซ้อนกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความชอบธรรมของพรรคการเมืองที่ได้ส.ส.มากที่สุด ต้องมีสิทธิเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อน พรรคการเมืองต่างๆ จะแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายกันอย่างไรร่วมกับใครแล้วได้รับการตอบสนองข้อเสนอดีกว่า ใครคือผู้กุมอำ นาจที่แท้จริง!

เนื้อหาจดหมายของ “ลุงป้อม” บ่งบอกชั้นเชิงและลีลาการวางตัวของ “ผู้ใหญ่” ไม่ชวนทะเลาะอ่านเกมออกว่า หลายเรื่องที่มีความสำ คัญต่อการตัดสินใจ เป็นเงื่อนไขที่ยังไม่เกิดขึ้นคนที่มีประสบการณ์การเมืองจะรู้ว่า ในการจัดตั้งรัฐบาลทุกครั้ง

ที่ผ่านมาล้วนมีเรื่องราวที่แปรเปลี่ยนไป ไม่เคยเป็นไปอย่างที่ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงทั้งนั้น

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
พูดง่ายๆ ว่า “อุ๊งอิ๊ง”จะพูดอะไรก็พูดไป ให้ดูหน้าดิฉันไว้ก็ดูไว้ก่อน ตอนหลังเลือกตั้งก็น่าจะได้เห็นใบหน้าเดียวกันแต่อาจจะเป็นไปอีกแบบก็ได้ใครจะรู้ ขึ้นอยู่กับ “ดีล” ที่ลุงป้อม ว่ามาในจดหมาย ไม่ใช่เรื่องผิดหรือแปลกประหลาดอะไรอย่างที่ลุงบอกว่า หากมีประสบการณ์การเมืองมายาวนานเพียงพอจะรู้ว่า “นี่คือความปกติของการเมืองไทย”

สรุปว่า “ลุงป้อม” ยังยืนยันจะก้าวข้ามความขัดแย้งตามสโลแกนพรรค

ขณะที่ฟากฝั่ง “ลุงตู่” ยังสงวนท่าทีตอนนี้รู้สึกยินดีปรีดากับการลงพื้นที่หาเสียงในเวลาที่เหลืออยู่อีกไม่กี่วัน อยู่ ในโหมดลางานได้ก็ลา ที่ไม่เคยพักค้างแรมที่ไหน ก็จะลองค่ำไหนนอนนั่น ส่วนวาทกรรมตอบโต้กับใครในช่วงนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรครวมไทยสร้างชาติ

หน้าที่ “ฟาดได้ฟาด” จึงไปตกอยู่ที่ “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรคออกมาลีลาต่างกับ “ลุงป้อม” ว่าการที่แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยออกตัวว่าจะไม่จับมือกับพรรคนั้น พรรคนี้ทั้งที่ยังไม่ทราบผลการเลือกตั้งเป็นการดูแคลนพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มีโอกาสจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเช่นกัน รวมทั้งยังใช้วาทกรรมตอกย้ำ เรื่องรัฐประหารอยู่อีก ทั้งๆ ที่จะเลือกตั้งอีกไม่กี่วันแล้ว

 แพทองธาร ชินวัตร
“เสธ.หิ” องครักษ์พิทักษ์ลุงตู่ ยังแซะ “อุ๊งอิ๊ง” และพรรคเพื่อไทย ควรหยุดใช้วาทกรรมด้อยค่าพรรคอื่นเพียงเพื่อหวังเรียกคะแนนเสียงแต่ควรให้ความสำ คัญกับการตอบสังคมให้ชัดเจน ถึงนโยบายที่สังคมยังสงสัยมากกว่า อย่างนโยบายแจกเงินดิจิทัล ที่ประเมินว่าจะต้องใช้เงินกว่า 5 แสนล้านบาท และหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและ “แพทองธาร” ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ ก็น่าห่วงอนาคตประเทศไทย ที่ไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหน ภายใต้การนำ ของนายกฯ ที่ไร้ประสบการณ์บริหารงานเป็นที่ประจักษ์สักอย่างเลย แต่กลับได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค

ได้เห็นชั้นเชิงลีลา ของสองลุงสองพรรคที่ต้องหักหาญต่อกรกับ “พรรคเพื่อไทย-อุ๊งอิ๊ง” ตัวแทน “โทนี่ วูดซัม”ทักษิณ ชินวัตร ผ่านวาทกรรมจับ-ไม่จับขั้วกันอย่างไรในคึกเลือกตั้งหนนี้ก็ต้องบอกว่า “ลุงป้อม” ดูเป็นมวยเชิงมากกว่า“ลุงตู่” ที่บู๊ดุดันไม่เกรงใจใคร ซึ่งหลังเลือกตั้ง “มวยเชิงมวยบู๊” ใครจะชนะ น่าสนใจติดตามยิ่งนัก!!.

**“พี่เต้”ไอเดียตรงกับ “พี่เอิร์ธ ปชป.” เรื่องเปิดสถานบริการ sex worker แปลงส่วยเป็นภาษีอย่างนี้ก็ไปกันได้

ติดโผนายกรัฐมนตรีกับเขาแทบทุกโพล แม้คะแนนจะน้อยหน่อย อยู่กลุ่มท้ายๆ หรือกลุ่มอื่นๆ แต่ก็ทำ ให้“พี่เต้”มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์มีกำ ลังใจออกตระเวนช่วยลูกพรรคหาเสียง บอกกล่าวถึงนโยบายโชว์กึ๋นเศรษฐกิจ การหารายได้เข้าประเทศ เพื่อมาใช้เป็นสวัสดิการให้กับกลุ่มเปราะบาง

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์
“พี่เต้” ไม่ได้มีบุคลิกพ่อค้า พูดจานุ่มนวล พินอบพิเทาแต่ออกในแนวใจถึงพึ่งได้เลยมองว่าจะทำอย่างไร เพื่อเอาเงินสีเทา เงินสกปรก ที่รั่วไหลจากระบบ มาทำให้เป็นเงินสะอาดแล้วเอามาใช้พัฒนาประเทศ อย่างเช่น การเปิดบ่อนกาสิโนหรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เน้นให้นักท่องเที่ยวมาเล่น ส่วนคนไทยจะมีการจำ กัดรายได้และวงเงินในการเล่นซึ่งจะได้รายรับภาษี3-4 แสนล้านบาทต่อปี...เปิดบ่อนระดับVVIP สำ หรับนักเล่นมือหนัก รับสมาชิกปีละ 3-5 หมื่นรายตรงนี้จะมีรายรับภาษีไม่น้อยกว่า1.5-2 ล้านล้านบาทต่อปี

ยังมีนโยบาย “แปลงส่วยเป็นภาษี” ที่“พี่เต้” ภูมิใจเสนอมั่นใจว่ารายได้งามแน่ นั่นคือ เปิดสถานบริการ-sex workerถูกกฎหมาย มีใบประกอบวิชาชีพ ดูแลให้ถูกสุขอนามัยงานนี้รายรับขั้นต่ำ ไม่หนีปีละ 1.5-2 แสนล้าน พี่เต้ย้ำว่าเงินตรงนี้ควรจะเอามาสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน ดีกว่าเอาไปประเคนให้คนไม่กี่คนเท่านั้น

ถ้าเปิดใจและทำ ได้บรรดา sex worker ทุกคน ก็สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรีเงินก้อนนี้เอามาขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการ 10% ทุกปีก็ยังได้

ฟัง “พี่เต้” พูดถึงนโยบาย sex worker แล้วทำ ให้นึกถึง “พี่เอิร์ธ” ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง ลูกชายสุดเลิฟของอดีตผู้ว่าฯ กทม. “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ไปพูดในเวทีหาเสียงที่จัดโดย “มติชน” ที่ลานโพธิ์ม.ธรรมศาตร์ท่าพระจันทร์ภายใต้หัวข้อ “ฟังเสียง NEW GEN บทใหม่ประเทศไทย”เมื่อเร็วๆ นี้

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง
วันนั้น มีคำ ถามสดจากนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม ถาม“พี่เอิร์ธ พงศกร” ว่า พรรคประชาธิปัตย์มีมุมมองต่ออาชีพSex worker และ Sex toy อย่างไร ถ้าได้เป็นรัฐบาล จะแก้ไข หรือจัดการเรื่องนี้อย่างไร...“พี่เอิร์ธ” ตอบทันทียังกะรู้ข้อสอบมาก่อนว่า ต้องยอมรับว่า ประเทศเรามีอาบอบนวด ซึ่งไม่ได้เกิดจากการนวดอย่างเดียว แต่มีธุรกิจที่เกี่ยวกับ Sex worker ซึ่งคนเหล่านี้ไม่มีสวัสดิการที่ดีไม่มีการจดทะเบียนผู้ประกอบการ ไม่ได้มีการเก็บภาษีที่เต็มที่ ดังนั้น ต้องนำธุรกิจเหล่านี้ขึ้นมาบนดิน

เรื่องนี้ถ้ามองอย่างคนรุ่นใหม่ โลกสวย Sex workerก็เหมือนอาชีพหนึ่ง แต่ในแง่ของกฎหมายในปัจจุบันนั้น เป็นเรื่อง “ค้ามนุษย์” อยู่ในมูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน ตามกฎหมาย ปปง. และไม่สอดคล้องกับศีลธรรมอันดีงามของสังคม

หลังจาก “พี่เอิร์ธ” พูดไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์รวมทั้ง “จุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคจะคิดอย่างไร หรือมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้างประชาธิปัตย์ที่ชูสโลแกน “สร้างงาน สร้างเงิน สร้างชาติ”ถ้า Sex worker คือ การสร้างงาน สร้างเงิน สร้างชาติตามนโยบาย ...หลังเลือกตั้งถ้าประชาธิปัตย์ได้ร่วมรัฐบาล “พี่เอิร์ธ”ก็อย่าลืมชวน “พี่เต้” ไปร่วมด้วย จะได้ช่วยกันผลักดัน Sexworker ให้เป็นจริง


กำลังโหลดความคิดเห็น