“ชูวิทย์” โวยแหลก หลัง “บิ๊กตู่” ไม่ให้พบที่เยาวราช จวกไม่มีจุดยืน ไม่ใช้อำนาจนายกฯ สั่งเบรก “อนุทิน” ปลดล็อกกัญชา ลั่นหากรวมไทยสร้างชาติ จับมือภูมิใจไทย ตั้งรัฐบาล พร้อมเดินหน้าคัดค้านถึงไหนถึงกัน
วันนี้ (20 เม.ย.) เมื่อเวลา 19.30 น. ที่ถนนเยาวราช นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักธุรกิจอาบอบนวด ให้สัมภาษณ์หลังจากไม่ได้พบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างหาเสียงที่เยาวราช ว่า บ้านตนอยู่เยาวราช มาวันนี้จะมาให้กำลังใจ และต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ และจะมาถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า สนับสนุนนโยบายกัญชาเสรีหรือไม่ สิ่งที่ตนจะถามเป็นคำถามง่ายๆ สั้นๆ ไม่จำเป็นเลยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องหลบ เพราะเยาวราชเป็นบ้านของตน ใครๆ ก็รู้จักตน การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมเจอกับตน ก็ไม่เป็นไร ก็แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจยังไม่แน่ใจ หรือไม่แน่จริง แต่หากตนเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะมาคุยทักทาย เพราะตนคือประชาชนที่แท้จริง
นายชูวิทย์ อ้างว่า สิ่งที่ตนตั้งคำถามนั้น ถามมาจากใจของสังคมไทยโดยส่วนใหญ่ ซึ่งอาจจะมีคนอีก 10% ที่เห็นด้วยตนก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อยากถามว่านโยบายกัญชาเสรีที่เปิดกันทั่วไป และอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยออกมาเปิดเผยว่า มีการจับและเตือนคนเสพกัญชาได้เพียง 20 รายทั้งประเทศ ซึ่งที่ถนนข้าวสารแม่ค้าก็บ่นว่าเหม็นกลิ่นกัญชา และตนอยากฝากไปถึง นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ควรจะระมัดระวัง ที่วันนี้ออกมาพูดว่าไม่สนับสนุนกัญชาเสรี แต่หัวหน้าพรรคก็ออกมาพูดเองว่า พี้กัญชาได้ นำกัญชามาประกอบอาหารได้ เที่ยวก่อนพูดไว้ว่าอย่างไรเที่ยวนี้หาเสียงไว้ก็ต้องรับปาก อย่าไปโกหกชาวบ้าน ลิ้นต้องมีกระดูกส่วนที่นายกรัฐมนตรีไม่มาเจอก็ไม่เป็นไร ท่านอาจจะกลัวตน และท่านคงอยู่ไม่นานอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้มาเจอ เพราะไม่อยากตอบเรื่องกัญชาเสรีใช่หรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีจุดยืนที่ไหน เพราะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นคนออกนโยบายนี้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็นั่งเฉย เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ทำอะไร อันนี้คือข้อผิดพลาด ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ กล้าตัดสินใจ ที่จะเบรกนายอนุทิน โดยใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี มันก็คงไม่เป็นแบบนี้
“ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ให้นายอนุทินปลดล็อกกัญชา ออกจากบัญชียาเสพติด เช่นเดียวกับ 170 ประเทศ ทั่วโลก พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะได้แสดงจุดยืนอย่างแท้จริง ซึ่งผมในฐานะประชาชนได้มาเจอ จึงอยากมาถามถือเป็นสิทธิของประชาชนทุกประการที่มีสิทธิจะถาม เพราะท่านเป็นนายกรัฐมนตรีของผม” นายชูวิทย์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากในอนาคตพรรครวมไทยสร้างชาติ จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยต่อ นายชูวิทย์จะต่อต้านด้วยหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า “ถ้ารวมกันผมค้านอยู่แล้ว ถึงไหนถึงกัน”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเคลื่อนไหวเพื่อปลดล็อกกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดนั้น มีมานานโดยภาคประชาชนกลุ่มหมอพื้นบ้าน นักวิจัยสมุนไพร รวมทั้งวงการแพทย์แผนปัจจุบันบางส่วน เพื่อให้มีการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และให้ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงยากัญชาได้ง่ายขึ้น จนกระทั่งในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคภูมิใจไทยได้นำมาเป็นนโยบายหาเสียง เมื่อได่ร่วมรัฐบาลได้ผลักดันการปลดล็อกกัญชาจนสำเร็จ โดยการออก พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ซึ่งผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2564 หลังจากนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวง เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2565 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 และมีการออกประกาศตามมาหลายฉบับเพื่อกำกับและควบคุมการใช้กัญชาในระหว่างที่ พ.ร.บ.กัญชากัญชงฯ ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภา
เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อปลดล็อกกัญชา รวมทั้งการนำเรื่องกัญชามาเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 จนกระทั่งมีการปลดล็อกกัญชาสำเร็จในปี 2564 ก็ไม่ปรากฏว่า นายชูวิทย์ได้ออกมาคัดค้านการปลกล็อกกัญชาแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ ยังเปิดร้านกัญชาชื่อ Chuweed ในโรงแรมเดวิส ถนนสุขุมวิท ของครอบครัวนายชูวิทย์ด้วย
นายชูวิทย์ เพิ่งออกมารณรงค์ต่อต้านกัญชา เมื่อเดือน ก.พ. 2566 ก่อนที่จะมีการยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยตั้งธงที่จะขัดขวางพรรคภูมิใจไทยไม่ให้ได้รับการเลือกตั้ง โดยนำเรื่องกัญชาเป็นประเด็นต่อต้านพรรคภูมิใจไทย ร่วมกับกรณีการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่นายชูวิทย์อ้างว่ามีการทุจริตจ่ายเงินทอนกัน 3 หมื่นล้านบาท ผ่านธนาคาร HSBC ที่สิงคโปร์ แต่ต่อมาเมื่อนายชูวิทย์ ยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานเงินทอนตามที่อ้าง และศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่าการยกเลิกการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มครั้งแรก เพื่อจัดการประมูลใหม่นั้นเป็นไปอย่างถูกต้อง นายชูวิทย์จึงเหลือประเด็นเคลื่อนไหวต่อต้านพรรคภูมิใจไทยเฉพาะเรื่องกัญชาเรื่องเดียว
ส่วนกรณีการจัดกิจกรรมวันกัญชาโลก 20 เม.ย.ที่ถนนข้าวสาร โดยทางผู้จัดประกาศว่าจะมีการรวมตัวกันสูบกัญชากลางถนนด้วยนั้น นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาเตือนให้ยกเลิกกิจกรรมดังกล่าว เนื่องจากการสูบกัญชาในที่สาธารณะเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.การสาธารณสุขฯ และ พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพรฯ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ทันที พร้อมย้ำจุดยืนพรรคภูมิใจไทย คือ สนับสนุนกัญชาเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน โดยได้เสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีกฎหมายควบคุมการใช้กัญชาให้เกิดความสมดุล แม้ว่ากฎหมายดังกล่าวจะได้รับการขัดขวางจากทางการเมือง แต่พรรคก็ยังยืนยันว่าจะต้องผลักดันกฎหมายนี้ให้มีผลใช้บังคับต่อไป
เช่นเดียวกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่กล่าวถึงการจัดกิจกรรมวันกัญชาโลกที่ถนนข้าวสารในวันนี้ ว่า ต้องอยู่ในกรอบของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งก็คือกฎหมาย ภายใต้ พ.ร.บ.การสาธารณสุข ความเข้มข้นบทลงโทษมีทั้งปรับและจำคุกด้วย ขอให้อยู่ในกฎหมาย เน้นในการใช้ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและทางการแพทย์ การสูบในที่สาธารณะไม่ได้อยู่แล้ว ผิดกฎหมาย
นายอนุทิน ย้ำว่า การทำพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายแบบนี้ ก็ยิ่งเข้าทางคนที่ด้อยค่าสรรพคุณของกัญชา หากทำแบบนี้ทำให้คนเห็นว่า นำมาใช้ในเรื่องของการพี้ และสันทนาการ ซึ่งไม่ใช่เจตนารมณ์ของนโยบายกัญชาทางการแพทย์ของ สธ. ถ้าใช้อย่างนี้โอกาสที่จะเข้าทางผู้ที่ไม่ต้องการให้ใช้ทางการแพทย์ ก็จะมีเหตุผลที่จะต่อต้าน ยืนยันว่า สธ.ใช้ทางการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น
