วันนี้ (20 เม.ย.) จากกรณีพรรคพลัง ได้ออกหมัดปล่อยนโยบายหลัก 46 ข้อ ครอบคลุมทุกด้านเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง ทำให้กระแสม้ามืด ความนิยมต่อพรรคพลังเบอร์ 9 พุ่ง ในขณะเดียวกันได้มีตัวแทนจากสายแรงงานสหภาพแรงงานที่เป็นตัวแทนฝ่ายลูกจ้าง มือประสานสิบทิศ นายมานิตย์ ปิยัง ประธานสหภาพแรงงานไดกิ้นและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลัง เบอร์ 9 พร้อมอาสาเข้าสภา โดยชูนโยบายความมั่นคงแรงงาน ทำให้ถูกอก ถูกใจพี่น้องแรงงานทั่วประเทศ ทำให้กระแสร้อนแรงทางการเมือง อุณหภูมิแรงงานร้อนฉ่าขึ้นมาทันที
ระดับตัวท็อป ตัวตึง ขุนพลแรงงานที่รู้ปัญหาและแก้ปัญหาตรงจุด โดยมีขุนพลแรงงานนายประดิษฐ์ สมพล กรรมการสหภาพแรงงานไดกิ้น ขยับมานั่งรองหัวหน้าพรรคพลัง พร้อมนั่งเก้าอี้ฝ่ายบริหารของประเทศ โดยมีมือประสบการณ์ภาคแรงงาน โดยมีขุนพลอย่าง นายชัชชัย ด้วงพิทักษ์ เคยดำรงตำแหน่งประธานสหภาพแรงงานพรีเมี่ยมสติล นั่งเก้าอี้ 7 สมัย เคยนั่งตำแหน่งประธานกรรมการลูกจ้าง ถึง 7 สมัยเช่นกัน เคยดำรงตำแหน่งรองประธานสภาองค์การลูกจ้างแห่งประเทศไทย(องค์กรที่ 14) ถึง 4 สมัย มีประสบการณ์ภาคแรงงานมาช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลัง โดยนายชัชชัย ด้วงพิทักษ์ อาสาเสนอตัวลง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลัง เบอร์ 9 โดยนายชัชชัยฯลั่น เหตุผล 10 เลือกพรรคพลังเบอร์ 9 ขออาสาเข้าสภาเพื่อขับเคลื่อนนโยบายแรงงานอันเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องแรงงานทั้งประเทศ วันหย่อนบัตร เข้าคูหา โดยให้ดู บัตรสีเขียว เป็นบัตรเลือกตั้งพรรคการเมือง ให้จำชื่อ “พรรคพลัง” ให้จำโลโก้พรรค อักษร พ.พาน ชื่อพรรคพลัง กาเบอร์ 9 เพื่อให้ตัวแทนลูกจ้างเข้าไปทำหน้าที่ในสภา
นายมานิตย์ ปิยัง ประธานสหภาพแรงงานไดกิ้นและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลัง กล่าวว่า ตนขอชำแหละนโยบายแรงงาน พรรคพลัง ที่เป็นจุดเด่น นโยบายหลัก ความมั่นคงแรงงาน กองทุนประกันสังคม หักสะสม ครบ 15 ปี ได้สิทธิบำนาญและรักษาตลอดชีพ สาเหตุที่ต้องกำหนดนโยบายนี้ เพราะลูกจ้างเมื่อเกษียณอายุงาน ไม่มีหลักประกันใดๆมารับรอง จากการทุ่มเททำงานให้กับองค์กรภาคเอกชน แตกต่างจากข้าราชการ มีเงินบำนาญ รักษาพยาบาลฟรีตลอดชีวิต แล้ว ภาคเอกชน ลูกจ้างแรงงานล่ะ ไม่มีหลักประกันความมั่นคง เมื่อลูกจ้างทำงานมาเนิ่นนาน หลังอายุเกิน 60 ปีแล้ว เมื่อร่างกายใช้งานหนักมาตลอด จะต้องซ่อมแซมร่างกายเพราะเสื่อมโทรมจากการทำงานหนัก แต่ลูกจ้าง ภาคเอกชน ไร้หลักประกัน จะต้องมาใช้เงินผู้สูงอายุ รัฐสวัสดิการจากรัฐ เดือนละ 600 บาทต่อเดือน อย่างเช่นนั้นหรือไม่ อย่างไร แถมจะต้องนำเงินทำงานหนัก สะสมเงิน กลับมารักษาตนเอง ถามว่า หลักประกันลูกจ้างอยู่ตรงไหน ระยะเวลาในการหักเงิน เราจะต้องใช้ฐานหักสะสมเพียง 15 ปี ลูกจ้างทุกคนต้องได้รับสิทธิถ้วนหน้า ได้รับเงินบำนาญเป็นรายเดือนตลอดชีวิต มาจากเงินของลูกจ้างและจะต้องได้รับสิทธิประกันสังคม รักษาตลอดชีพ อีกส่วนหนึ่ง เงินประกันสังคม มาจากหักเงินสะสมของลูกจ้าง ไม่ใช่เงินของรัฐ ก็ไปหักเงินมาจากน้ำพัก น้ำแรง ของลูกจ้าง ต้องได้รับสิทธิในการถอนเงินหรือให้สิทธิกู้เงิน เปรียบเทียบให้เห็นชัด เหมือนเอาเงินลูกจ้างไปฝากธนาคารไว้ ความมั่นคงแรงงาน จะต้องให้สิทธิเด็ดขาดแก่ลูกจ้าง ในวันที่ได้รับความเดือดร้อน จะให้เขาถอนเงินประกันสังคมได้หรือสามารถกู้เงินได้กองทุนประกันสังคมไปใช้ได้ เงินประกันสังคมที่หักไป ต้นเงิน ต้องมีดอกเบี้ย แต่ไม่มีใครพูดถึง ส่วนกองทุนบำนาญลูกจ้าง เกษียณแล้ว เงินเดือนละ 15,000 บาท ตลอดชีพ แยกต่างหากจากนโยบายหักสะสม 15 ปี ไม่ซ้ำซ้อน ต้องให้สิทธิแก่ลูกจ้างที่เกษียณอายุแล้ว โดยเฉพาะกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นายจ้างยังอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย ไม่ได้หักเข้ากองทุน แล้วพี่น้องลูกจ้างทั่วประเทศ จะมีหลักประกันได้อย่างไร เพราะมีเฉพาะบางบริษัทเท่านั้น ตรงนี้ ตนขออาสาเข้าสภา เพื่อผลักดันนโยบายหลักของพรรคพลังและเป็นนโยบายเร่งด่วน พี่น้องแรงงานต้องช่วยกัน ในวันหย่อนบัตร ให้ดูบัตรสีเขียว เลือกพรรคพลัง ให้ดูช่อง เลข 9 จำชื่อพรรคพลัง สั้นๆ จำโลโก้พรรค อักษร พ.พาน แล้วกา เบอร์ 9
นายมานิตย์ ปิยัง กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่ต้องเลือกพรรคพลัง เบอร์ 9 ตอบโจทย์พี่น้องแรงงาน ดังนี้ (1)เป็นพรรคการเมืองให้ความสนใจพี่น้องแรงงาน ให้ความสำคัญลูกจ้าง โดยเฉพาะตัวแทนของภาคแรงานมาขับเคลื่อนนโยบาย ไม่เกี่ยวกับพรรคแรงงานสร้างชาติ หรือพรรคการเมืองของอดีตสหภาพแรงงานบางคน นโยบายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตนยืนยันในฐานะประธานสหภาพแรงงานไดกิ้น ถึง 18 สมัยและนั่งกรรมการสภาลูกจ้างแห่งประเทศไทย ว่า พรรคพลัง นโยบายแรงงาน สามารถจับต้องได้ เป็นหลักประกันความมั่นคงแรงงานเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ภาคแรงงาน หลังเกษียณมั่นคงไปพร้อมกับพี่น้องประชาชนภาคราชการ ไม่เป็นภาระแก่ครอบครัว ให้ช่วยกัน กาบัตรสีเขียว พรรคพลังเบอร์ 9 โดยนโยบายหลักปีกแรงงาน พี่น้องประชาชน แรงงาน ลูกจ้างได้รับประโยชน์ถ้วนหน้า นโยบายหาเสียงแรงงาน 7 ข้อ สามารถทำได้จริง ที่สำคัญเป็นหลักประกันลูกจ้าง ให้เสมอภาคราชการ ทำให้หลังเกษียณ มีหลักประกันแรงงานอย่างชัดเจน โดยตนจะยกเหตุผลข้อดี นโยบายพรรคพลังต่อลูกจ้างภาคแรงงาน โดยตนยกเหตุผล 12 ข้อ ดังนี้ (1) ลูกจ้างสามารถนำเงินไปทำกิจการขนาดเล็กๆได้เมื่อเกษียณอายุ (2)ลูกจ้างท่องเที่ยวสบายได้เพราะมีเงิน (3)ลูกจ้างมีเงินเดือนลูกหลานไม่ทิ้ง (4)ลูกจ้างมีเงินเดือนหลังจากเกษียณ. (5)ลูกจ้างไม่หยิบยืมเงินคนอื่นทำให้เป็นภาระสังคม (6)ลูกจ้างสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้กับสถาบันทางการเงินได้เพราะมีฐานะเงินเดือน (7)ลูกจ้างมีความมั่นคงในการวางแผนการใช้เงินหลังเกษียณแบบสบายใจ (8)ลูกจ้างมีเงินพอใช้ต่อเดือนไม่เครียด (9)ลูกจ้างมีเพื่อนพี่น้องที่เป็นมิตร(10)ลูกจ้างใช้เงินไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน (11)ลูกจ้างไม่ต้องนำเงินที่หามาได้ทั้งชีวิตไปจ่ายค่ารักษาพยาลบาล (12)วาระสุดท้าย ไม่เป็นภาระแก่ครอบครัวและลูกหลาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมานิตย์ ปิยัง มีประสบการณ์ภาคแรงงาน ประธานสหภาพแรงงานได้กิ้น นั่งตำแหน่งประธานสหภาพมายาวนาน ถึง 18 สมัย เป็นที่ยอมรับของลูกจ้าง กรรมการสภา องค์การลูกจ้าง แรงงานแห่งประเทศไทย นโยบายพรรคพลังที่น่าสนใจ ได้แก่ (1)เงินประกันสังคมลูกจ้างถอนคืนได้และกู้ได้ ไม่ต้องรออายุ 55 ปี (2)กองทุนสำรองเลี้ยงชีพล่วงหน้า หลักประกันลูกจ้าง สร้างความมั่นคงแรงงาน (3)เพิ่มสิทธิค่าคลอดบุตร 20,000 บาท ต่อครั้ง ใช้สิทธิทั้งสามีภรรยา (4)เพิ่มสิทธิเบิกเงินค่าสงเคราะห์บุตรแรกเกิดถึง 7 ปี เพิ่มเงิน เป็นเดือนละ 1,500 บาท ต่อเดือน โดยไม่จำกัดบุตร (5)ความมั่นคงแรงงาน กองทุนประกันสังคม หักสะสม 15 ปี ได้รับสิทธิบำนาญตลอดชีพและรักษาพยาบาลตลอดชีวิต (6)กองทุนบำนาญลูกจ้าง เกษียณอายุ มีเงินเดือนหลังเกษียณ เดือนละ 15,000 บาท ตลอดชีพ (7)เงินเดือนปริญญาตรี เริ่มต้นเดือนละ 30,0000 บาทต่อเดือน