xs
xsm
sm
md
lg

ฟังขึ้นมั้ย? “เพื่อไทย” แจง กกต.แจกหัวละหมื่นใช้เงิน 5.6 แสนล้าน จากงบฯ ปกติและการบริหารภาษี แถมจัดสวัสดิการคนแก่อีก 3 แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดคำชี้แจงของพรรคเพื่อไทย ต่อ กกต.นโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท ใช้เงินทั้งสิ้น 560,000 ล้าน มาจากการบริหารงบประมาณปกติ และบริหารระบบภาษี โวกระตุ้นเศรษฐกิจ ประโยชน์ที่ได้รับสูงกว่างบประมาณที่ใช้ แถมยังมีนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุใช้เงิน 3 แสนล้าน จากงบฯ ปกติและการบริหารภาษีเช่นกัน และโครงการที่ต้องใช้เงินอีกเพียบ

วันนี้ (19 เม.ย.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รับการแจ้งรายละเอียดนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามมาตรา 57 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ครบทั้ง 70 พรรคการเมืองแล้ว โดยทุกพรรคส่งในกำหนดเวลาภายในวันที่ 18 เม.ย. และสำนักงานฯ กำลังนำข้อมูลนโยบายของทุกพรรคเรียงตามหมายเลขบัญชีรายชื่อของพรรคลงในเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต.(https://www.ect.go.th/ect_th/) เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้ตรวจสอบ

สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องใช้เงินตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 นั้น มีนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงินรวม 70 นโยบาย ซึ่งนโยบายที่เป็นที่พิพากษ์วิจารณ์คือนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล อยู่ในหัวข้อนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ลำดับนโยบายที่ 45 นโยบายเงินสกุลดิจิตอลและ Digital Wallet เพื่อประชาชน หรือนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ได้ระบุวงเงินที่ต้องใช้ 560,000 ล้านบาท ที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ โดยใช้การบริหารงบประมาณปกติ และบริหารระบบภาษีจาก1.ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี67 :260,000 ล้านบาท 2.ภาษีที่ได้จากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย : 100,000 ล้านบาท 3.การบริหารจัดการงบประมาณ :110,000 ล้านบาท 4.การบริหารจัดการงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน :90,000 ล้านบาท โดยสามารถปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ด้านการคลังของประเทศ

ส่วนความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบายดังกล่าว พรรคเพื่อไทยชี้แจงเป็น 4 ข้อ ดังนี้

1. ประชาชนได้รับเงินดิจิทัลก้นถุง ที่มีเงื่อนไขเป็นประโยชน์สูงสุด ต่อการกระตุ้น และการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เกิดเงินหมุนเวียนในทุกพื้นที่ของประเทศ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างเท่าเทียม และขยายตัวสูงกว่าเม็ดเงินที่ใช้

2. ประชาชนทุกคนมีกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งจะทำให้เป็นประโยชน์ต่อมาตรการทางการคลังในอนาคต เพราะสามารถใส่โปรแกรมเพื่อระบุเงื่อนไขไปในเงินดิจิทัลได้ ทำให้มาตรการทางการคลังมีประสิทธิภาพสูงสุด

3. ประเทศเข้าสู่ระบบการเงินรูปแบบใหม่ ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อรองรับการเปลี่ยนของระบบการเงินโลก

4. ภาคธุรกิจได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อประชาชนที่เพิ่มขึ้นอย่างเท่าเทียม ทั่วถึงในทุกพื้นที่

สำหรับผลกระทบและความเสียงในนโยบาย พรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า ต้องจัดสรรงบประมาณ แต่ประโยชน์ที่ได้รับสูงกว่างบประมาณที่ใช้


นอกจากนี้ยังมีนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ที่มีการระบุว่าไม่ใช้วงเงินงบประมาณแต่สร้างเศรษฐกิจให้เติบโตสูงในระดับที่เพียงพอทำให้นายจ้างสามารถจ่ายค่าจ้างที่สูงขึ้นได้ ซึ่งความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบายจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้เพียงพอกับค่าครองชีพแต่อาจมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการบ้านเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงขึ้นแต่สามารถแก้ไขได้โดยการช่วยเหลือผู้ประกอบการรวมถึงการสร้างเศรษฐกิจให้โตขึ้น

นโยบาย One Table per Child with free internet ซึ่งวงเงินที่จะใช้ 29,000 ล้านบาท เป็นการบริหารระบบงบประมาณและการบริหารระบบภาษีเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้ให้กับนักเรียนผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่ลดค่าใช้จ่ายสื่อการสอนแบบเดิมที่เป็นภาระของผู้ปกครอง ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายคือต้องจัดสรรงบประมาณแต่ผลประโยชน์ที่ได้รับจะสูงกว่างบประมาณที่ใช้

นโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ ซึ่งจะใช้เงิน 300,000 ล้านบาทซึ่งที่มาของเงินเป็นการบริหารระบบงบประมาณและการบริหารระบบภาษี โดยความคุ้มค่าและประโยชน์ที่ได้รับคือสวัสดิการผู้สูงอายุให้เพียงพอต่อการดำรงชีพความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายคือต้องจัดสรรงบประมาณแต่ผลประโยชน์ที่ได้รับจะสูงกว่างบประมาณที่ใช้

นโยบายบริหารจัดการน้ำไม่ท่วมไม่แล้ง ชนบทมีน้ำกินน้ำใช้ด้วยระบบน้ำบาดาลวงเงินที่จะใช้เบื้องต้น 500,000 ล้านบาท ที่มาของเงิน มาจากการบริหารระบบงบประมาณ ระบบภาษี เงินกู้และเงินนอกงบประมาณ ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย ยึดหลักการน้ำต้องมีที่อยู่ที่ไป ทำเป็นลำดับจากต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำ สร้างทางระบายน้ำสู่ทะเลปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำเพิ่มพื้นที่ชลประทาน 15 ล้านไร่ใน 4 ปีใช้ระบบน้ำใต้ดินทั้งบ่อตื้นบ่อลึก ให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคฟรีจัดทำระบบชลประทานบาดาลน้ำลึกระดับตำบลเพื่อการเกษตร ถมทะเลป้องกันน้ำท่วมพัฒนาพื้นที่เป็นเขตธุรกิจใหม่ ซึ่งผลกระทบและความเสี่ยงมีแค่ต้องจัดสรรงบประมาณแต่ผลประโยชน์ที่ได้จะสูงกว่างบประมาณที่ใช้

นโยบายรถไฟฟ้ากทม 20 บาทตลอดสายวงเงินที่ต้องใช้ 40,000 ล้านบาทและ 8,000 ล้านบาทต่อปี ใช้การบริหารงบประมาณปกติ การบริหารระบบภาษีเงินกู้และเงินนอกงบประมาณซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับเป็นการลดภาระค่าโดยสารให้กับประชาชนส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ

นโยบายยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศให้สามารถเป็นการเดินทางแบบไป - กลับประจำ(Commute)ได้อย่างแท้จริง จะใช้วงเงิน 11,700 ล้านบาทต่อปีใช้การบริหารงบประมาณปกติเงินกู้และเงินนอกงบประมาณ ซึ่งความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบายคือการสร้างระบบ feeder ที่สะดวกสบายเชื่อมโยงแต่ละ Hub ตัวอย่างเช่นเส้นทางนครราชสีมากรุงเทพฯ ซึ่งผลกระทบและความเสี่ยงคือต้องมีการจัดสรรงบประมาณแต่ผลประโยชน์ที่ได้รับจะสูงกว่างบประมาณที่ใช้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงาน กกต.จะทำตรวจสอบรายละเอียดการชี้แจงของพรรคการเมืองทุกพรรค ว่า ครบ 3 เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ได้แก่ 1. มีการระบุวงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ 2. ระบุความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย 3. ระบุผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายหรือไม่ ขณะเดียวกัน ก็จะพิจารณาว่านโยบายหาเสียงดังกล่าว มีความเป็นไปได้ หรือมีการปกปิดข้อมูลที่ควรจะแจ้งหรือไม่ หากมีการปกปิดจะเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 73(5) เป็นการจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง




























กำลังโหลดความคิดเห็น