“เพื่อไทย” พยายามประวิงเวลา ชี้แจง กกต. ถึงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะใช้แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท หลังทีมกฎหมายและทีมเศรษฐกิจเห็นขัดแย้งกันเอง ระบุ อาจต้องกู้เงินบางส่วนมาแจก แล้วต้องยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หวั่นประชาชนรู้ จะทำให้เสียคะแนน
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) แจ้งว่า จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ชี้แจงเกี่ยวกับการใช้งบประมาณนโยบายหาเสียงของพรรค ซึ่งยังขาดเรื่องข้อมูลการแจ้งที่มาของเงินและวงเงินที่จะใช้ โดยเฉพาะนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประชาชนอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวกว่า 50 ล้านคน ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท
โดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้หารือกับทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางของนโยบายและที่มางบประมาณ เพื่อส่งคำชี้แจงต่อ กกต.ในวันที่ 17 เม.ย. อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ทีมกฎหมายและทีมเศรษฐกิจ มีความเห็นคนละทิศทางกัน โดยทีมกฎหมายแนะนำให้ชี้แจงที่มาของงบประมาณให้ชัดเจน เพื่อให้ กกต. สิ้นข้อสงสัย ไม่เช่นนั้น อาจจะสุ่มเสี่ยงจะกระทำผิดกฎหมาย และจะส่งผลเสียถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทยได้ในภายหลัง
“โดยเฉพาะประเด็นการเก็บภาษีจะมาจากภาษีชนิดใดบ้าง อาทิ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากจะเก็บเพิ่มจากเดิม ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 7 เป็นร้อยละเท่าไร เพื่อให้มีรายได้มาดำเนินการนโยบายดังกล่าว แต่มีการทักท้วงกันภายใน จึงอาจจะไม่ระบุการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมในคำชี้แจง” แหล่งข่าว ระบุ
แหล่งข่าวระบุอีกว่า สำหรับงบประมาณปี 2567 ซึ่งหลังจากที่หักงบประจำ งบผูกพัน และงบใช้จ่ายหนี้เงินกู้ จะเหลือให้ดำเนินโครงการใดได้ประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เสนอให้หั่นงบประมาณของกระทรวงต่างๆ ซึ่งคาดหวังว่า จะรีดได้มากสุด 1 แสนล้านบาท แต่คาดว่า หลายกระทรวงอาจจะไม่ยินยอม แตกต่างจากในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่หลายกระทรวงพร้อมใจให้หั่นงบประมาณของกระทรวงลง
ทั้งนี้ เมื่อมีเงินเหลืออยู่จากงบประมาณปี 2567 ประมาณ 2 แสนล้านบาท คาดการณ์ว่า จะเก็บภาษีเพิ่มได้อีก 5 หมื่นล้านบาท และหั่นงบกระทรวงกว่า 1 แสนล้านบาท ทำให้มีงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่เพียงพอ ทำให้มีการเสนอให้ชี้แจงต่อ กกต.ว่า อาจจะมีการกู้เงินบ้างส่วน เพื่อนำมาดำเนินโครงการดังกล่าว แต่ทีมกฎหมายได้ทักท้วง เพราะอาจจะส่งผลกระทรวงทางกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ทำให้เกิดความเห็นขัดแย้งกันเอง
“มีข้อกังวลว่า หากระบุไปว่าอาจจะต้องกู้เงินบางส่วนในคำชี้แจง และหาก กกต. ออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว จะส่งผลลบต่อคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยทันที เพราะที่ผ่านมา แกนนำพรรคเพื่อไทย โจมตีรัฐบาลมาตลอดว่ากู้มาแจก และเหตุผลในการกู้เงินมาดำเนินการโครงการประชานิยม จะทำให้คู่แข่งมีช่องโจมตีได้” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวระบุต่อว่า นอกจากนี้ มีข้อถกเถียงว่า ในคำชี้แจงต่อ กกต.จะระบุให้ชัดเลยหรือไม่ว่า หากพรรคเพื่อไทยดำเนินตามนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะต้องยกเลิกโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเลยหรือไม่ เพราะหากดำเนินการควบคู่กันจะเป็นภาระงบประมาณที่สูงขึ้นไปอีก แต่หากระบุชัดว่าจะยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เนื่องจากมีผู้ผ่านเกณฑ์รอบใหม่กว่า 14 ล้านคน และอยู่ระหว่างอุทธรณ์สิทธิหลายล้านคน ซึ่งจะทำให้เสียคะแนนในฐานนี้ได้ ทางทีมกฎหมายและทีมเศรษฐกิจ จึงพยายามประวิงเวลาการชี้แจงกรณีดังกล่าวกับ กกต.