xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ส่งเสริม “โครงการแรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง” ลดภาระค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ให้แก่ลูกจ้าง พัฒนาอาชีพเสริม รองรับลูกจ้างที่กำลังเข้าสู่วัยเกษียณ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ส่งเสริม “โครงการแรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง” ลดภาระค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ให้แก่ลูกจ้าง พัฒนาอาชีพเสริม รองรับลูกจ้างที่กำลังเข้าสู่วัยเกษียณ ให้พึ่งพาตนเองได้ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

วันนี้ (17 เม.ย.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนการจัดทำโครงการแรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เพื่อให้นายจ้าง สถานประกอบกิจการ และลูกจ้าง น้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในการต่อยอดโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริเกษตรทฤษฎีใหม่ มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ โครงการ “แรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สถานประกอบกิจการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ให้ลูกจ้างได้ใช้ประโยชน์ ได้แก่ พื้นที่ว่างเปล่าบริเวณสถานประกอบกิจการ ให้ลูกจ้างใช้เวลาว่างหลังเลิกงานมาทำการเพาะปลูกพืชผักสวนครัว และเลี้ยงสัตว์ ลูกจ้างนำผลผลิตที่ได้มาแลกเปลี่ยนกัน และนำไปบริโภคในครัวเรือน ส่วนผลผลิตที่เหลือจากการบริโภคสามารถนำไปจำหน่ายในชุมชน อันเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้แก่ลูกจ้าง อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาอาชีพเสริมไว้รองรับให้กับลูกจ้างที่กำลังเข้าสู่วัยเกษียณ ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ตามแนวทางของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สามารถก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคในภาวะวิกฤตได้ยั่งยืน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปี 2564 มีสถานประกอบกิจการเข้าร่วมโครงการแรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียงแล้วกว่า 99 แห่ง ลูกจ้างที่ได้รับประโยชน์ 26,426 คน และในปี 2565 มีสถานประกอบกิจการเข้าร่วมอีก 303 แห่ง ลูกจ้างที่ได้รับประโยชน์ 42,567 คน คิดเป็นมูลค่า 21,874,127 บาท ซึ่งผลจากการเข้าร่วมโครงการทำให้นายจ้าง สถานประกอบกิจการ และลูกจ้าง มีกิจกรรมทำร่วมกัน มีภูมิคุ้มกันที่ดีสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม ลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ในครัวเรือน ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2566 กสร. ได้ตั้งเป้าหมายการดำเนินการโครงการดังกล่าว 600 แห่งทั่วประเทศ และเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 มีสถานประกอบกิจการเข้าร่วมโครงการแล้ว 245 แห่ง ลูกจ้างที่ได้รับประโยชน์ 24,039 คน คิดเป็นมูลค่า 14,464,689 บาท รวมทั้งขณะนี้จะมีการคัดเลือกประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจต้นแบบแรงงานพันธุ์ดีตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 10 แห่ง ซึ่งผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลที่เป็นประโยชน์ทั้งกับ นายจ้างและลูกจ้าง
 
"นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวเป็นรากฐานสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเกิดเป็นประโยชน์สูงสุดกลับคืนสู่ตัวบุคลากรเอง ทำให้บุคคลมีทักษะจากการเรียนรู้เพิ่มเติม เพิ่มรายได้ เป็นโอกาสสร้างงาน สร้างอาชีพ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างยั่งยืน” นายอนุชาฯ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น