“กรณ์” ลั่น รื้อโครงสร้าง “สลากกินแบ่ง” คืนเงินปีละ 5 พัน ล.ให้คนไทย ผ่านรางวัลแจ็กพอต เพิ่มโอกาส ปชช.เป็นเศรษฐีทั่วประเทศ จังหวัดละ 3 คน คนละ 1 ล้าน ทุกงวด
วันนี้ (16 เม.ย.) ที่พรรคชาติพัฒนากล้า ถ.รัชดา นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดแถลงข่าว รื้อโครงสร้างสลากกินแบ่ง ว่า วลีอมตะที่เรามักได้ยินมาเสมอ คือ คนรวยเล่นหุ้น คนจนเล่นหวย ซึ่งหุ้นยิ่งเล่นยิ่งรวย แต่หวยประชาชนทั่วไป ซื้อความหวังด้วยการซื้อลอตเตอรี่ และมันก็ไม่มีค่า เมื่อไม่ถูกรางวัล ระบบสลากกินแบ่งถึงเวลาต้องเปิดโปง ถึงเวลาที่จะต้องมารื้อโครงสร้างสลากกินแบ่ง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนในฐานะผู้เล่นมากขึ้น
นายกรณ์ กล่าวว่า ปี 2557 มีลอตเตอรี่ขายงวดละเพียงแค่ 37 ล้านใบ เพิ่มขึ้นทุกปีเป็น 100 ล้านใบ ด้วยเหตุผลข้ออ้างของฝ่ายรัฐบาลว่าต้องการเพิ่มปริมาณเพื่อต่อสู้กับลอตเตอรี่ราคาแพง คือ หวังว่าปริมาณเพิ่มขึ้นแล้วราคาลอตเตอรี่จะลดลง แต่ผลก็ตามที่เห็นกันว่าลอตเตอรี่ที่ซื้อขายตามแผง ราคาไม่ได้ลดลง เฉลี่ยอยู่ที่ใบละ 100 บาท ซี่งเมื่อมาเจาะลึกจากผลของการเพิ่มจำนวนลอตเตอรี่ ใครได้ประโยชน์บ้างและมหาศาล
ปี 2557-2565 แบ่งเป็นส่วนกำไรของกองสลาก เงินที่เป็นรายได้ส่งเข้าแผ่นดิน และส่วนยอดขายหรือรายได้ของกองสลาก
ยอดขายปี 57 มีรายได้โดยรวมของกองสลากอยูที่ประมาณ 60,000 กว่าล้านบาท เพิ่มขึ้นมาเป็น 170,000 ล้านบาท ในปัจจุบัน ในช่วงเวลาเดียวกัน รายได้ที่ส่งเข้ารัฐ อยู่ทีประมาณ 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา เป็น 44,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30,000 ล้านบาท ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกัน กำไรของสำนักงานกองสลาก แต่ก่อน 1,000 ล้านต่อปี เพิ่มขึ้นมาจนปีล่าสุด อยู่ที่ระดับ 6,000 กว่าล้านต่อปี นี่คือสาเหตุที่เรามองว่าถึงเวลาที่เราควรต้องคืนรายได้ คืนกำไรส่วนนี้ ซึ่งล้วนเก็บรายได้จากประชาชนคนไทย 20 ล้านคน ที่ซื้อลอตเตอรี่ทุกๆ 16 วัน กลับคืนให้ประชาชน
ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา รัฐมีรายได้ 3.2 เท่า กองสลากกำไรเพิ่มขึ้น 5.8 เท่า แต่ราคาลอตเตอรี่ก็ยังแพงอยู่ ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ซ้ำแล้วกองสลาก เพิ่งได้ขอมติจากคณะรัฐมนตรี ได้รับอนุมัติอย่างเป็นหลักการที่จะเพิ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคตจะมีลอตโต้ 6 เบอร์ และจะมีสิ่งที่เรียก 3 ตัว N3 เป็นผลิตภัณฑ์เพิ่ม ซึ่งก็ยิ่งทำให้เพิ่มรายได้ให้กับกองสลากเพิ่มขึ้น เป็นเหตุที่เราต้องมาทบทวนเพื่อแบ่งปันกำไร วันนี้ ประเด็นที่อยากเสนอเพิ่มเติม จากงวดที่เพิ่งผ่านมา
“อันดับแรก ขอให้ประชาชนซื้อลอตเตอรี่ผ่านแอปเป๋าตัง จะทำให้ระบบสามารถจะระบุได้ว่าผู้ซื้อมีภูมิลำเนาในจังหวัดใด โดยยึดตามบัตรประชาชน วิธีการที่จะกำหนดว่าเราจะได้รางวัลหรือไม่ในแต่ละจังหวัด คือ อิงกับรางวัลที่ 1 เลข 6 ตัวในแต่ละงวด ง่ายๆ คือ เลขที่ใกล้รางวัลที่ 1 ที่สุดไม่ว่าจะบนหรือล่างของรางวัลที่ 1 ยกตัวอย่างเหมือนเราตีกอล์ฟ ให้ใกล้หลุมบาท และในรายที่ตีตกทราย ตกน้ำ ไม่ได้หมายความว่า ท่านไม่มีสิทธิ เพราะหากไม่มีใครที่ตีได้ใกล้หลุมเท่าท่านๆ ก็มีสิทธิได้รางวัล วิธีการนี้จะทำให้เราสามารถคืนกำไรที่ 5,500 ล้านบาทคืนคนไทย นอกจากนี้ ยังสามารถนำกำไรจากการขายลอตเตอรี่ของรัฐไปสนับสนุนทุนการศึกษา และทุนธุรกิจสร้างสรรค์ได้ เพื่อส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการรายใหม่ขึ้นมาในสังคมของเรา” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการนี้ เป็นการมอมเมาประชาชนหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า การมอมเมามันน่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่การเพิ่มจำนวนลอตเตอรี่ แต่เราไม่เพิ่ม แต่เราเสนอว่าการแบ่งควรแบ่งในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ถ้ารัฐงดที่จะจ่ายค่าการตลาดที่รัฐบาลขายเองบนแอปเป๋าตังใบละเกือบ 10 บาท เงินส่วนนั้นก็จะเพียงพอต่อการที่จะมาจ่ายรางวัลเพิ่มในส่วนของรางวัลแจ็กพอต 1 ล้านบาท ที่ชาติพัฒนากล้ากำลังเสนอ เพราะฉะนั้นไม่มีผลต่องบประมาณ และไม่มีผลต่อการส่งเงินเข้ารัฐ และเรื่องนี้ตนได้หารือกับผู้ออกแบบแอปเป๋าตังแล้วว่า โครงการนี้ทำได้ และคำถามที่มักเจอบ่อย คือ ทำไมเป็น รมว.คลัง ไม่ทำ ก็ต้องบอกว่า รายได้กองสลากไม่ได้มีมากขนาดนี้ และขณะนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีที่เอื้อให้ทำได้