xs
xsm
sm
md
lg

“อดีตผู้พิพากษา” เผย ธาตุแท้ “พท.” “โบว์” ซัด “หาเสียง” “ดร.ธนชาติ” แฉ คนในทีมนโยบายอยากเห็นเศรษฐกิจพินาศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อไทย ผู้ประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัล จากแฟ้ม
แจกเงินดิจิทัลพ่นพิษไม่หยุด “อดีตผู้พิพากษาฯ” เปลือยให้เห็นธาตุแท้ “พรรคเพื่อไทย” “โบว์” ฟันเปรี้ยง บอกล่วงหน้าเกือบปี ไม่มีวิกฤติ เหตุผลหลัก คือ “หาเสียง” “ดร.ธนชาติ” แฉ คนในทีมจัดทำนโยบาย เคยโพสต์อยากเห็นเศรษฐกิจไทยพังพินาศ

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(13 เม.ย.66) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“.....พรรคเพื่อไทยด่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า โง่ บริหารไม่เป็น เศรษฐกิจแย่ จนประชาชนจะตายกันหมดแล้ว

......แต่ในการประกาศนโยบายแจกเงินประชาชนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน ไม่ว่ายากดีมีจนหรือมหาเศรษฐี ซึ่งต้องใช้เงินประมาณ 550,000 ล้านบาท

ภาพ นายชูชาติ ศรีแสง จากแฟ้ม
.....เมื่อถามว่าเอาเงินมาจากไหนเพราะเงินงบประมาณปี 2566 กำหนดรายละเอียดในการใช้เงินไว้หมดแล้ว

.....พรรคเพื่อไทยบอกว่า ส่วนหนึ่งประมาณ 260,000 ล้านบาท เอามาจากเงินภาษีที่เก็บได้เกินเป้าหมายในปีนี้

.....ถ้ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์บริหารไม่เป็นเศรษฐกิจแย่ ธุรกิจเจ๊ง ประชาชนอดอยากยากจนกันทั้งประเทศจริง

.....ทำไมประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจทั้งหลายจึงมีเงินเสียภาษีจนเก็บได้เกินเป้าหมายถึง 260,000 ล้านบาท ให้พรรคเพื่อไทยเอามาผลาญเพื่อใช้ซื้อเสียงได้มากถึงขนาดนี้

.....คนหาเงินไว้มากมายคือคนโง่ แต่คนที่เอาเงินที่คนอื่นหาไว้มาใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองคือคนเก่งหรือ?”

ภาพ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักกิจกรรมทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเช่นกัน ว่า

“นโยบายประเภทแจกเงินเยอะๆ หว่านทั่วประเทศแบบ Helicopter Money มันเอาไว้ใช้ในยามวิกฤตจริงๆ แบบที่ต้องทำต้องใช้เดี๋ยวนั้นเลย จึงได้เห็นว่า ช่วงโควิดมีหลายประเทศทำแบบนี้ ซึ่งดี

แต่ประเภทบอกล่วงหน้าแล้วกว่าจะได้แจกจริงๆอีกเกือบปี (รวมเวลาเลือกตั้งและฟอร์มรัฐบาลก่อนนับหนึ่งดำเนินการ) นี่ ไม่มีใครเขาทำกัน เพราะถ้ารอเวลาได้นานขนาดนั้น ก็แปลว่ามันไม่ใช่ “วิกฤต” แล้ว ที่ประกาศมาจึงมีไว้เพื่อเหตุผลหลักคือ “หาเสียง” ใครอยากได้เงินก็เอาเสียงมา ก็เท่านั้น

เข้าใจให้ตรงกันอย่างนี้ ก็ไม่ต้องไปถกเถียงกันในรายละเอียดให้เสียเวลาค่ะ

หนักกว่าหว่านแจกเป็นหมื่น คือการเติมเงินแจกให้ทุกครอบครัวมีรายได้ครบสองหมื่นนะ มันจะคุมงบประมาณไม่ได้เลย เพราะไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าใครบ้างจะเลือกนอนอยู่บ้านแล้วรอให้รัฐเลี้ยงด้วยเงินสองหมื่นไปเรื่อยๆ

อันนี้ก็ไม่ต้องพยายามไปถกเถียงกันเช่นกัน เพราะเหตุผลหลักก็เหมือนข้อแรก จบ.”


ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก Thanachart Numnonda
ของ ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ประธานกรรมการกำกับความเสี่ยง ธนาคารธนชาติ และอดีตนายกสมาคม สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศไทย โพสต์ข้อความถึง กรณีปรากฏเอกสารภายในพรรคเพื่อไทย ของคณะทำงานสถาบันต้นไม้แห่งประชาธิปไตย นำเสนอนโยบายเหรียญดิจิทัลเพื่อไทย

ระบุว่า "เห็นเอกสารที่คนส่งมาเรื่อง นโยบายดิจิทัลวอลเลตพรรคเพื่อไทย และเห็นชื่อคณะทำงานแล้ว ไปค้นชื่อคนทำแผนมาจากหลายสาขาวิชา แต่พอเห็นชื่อบางคน เช่นรายนี้ มีประวัติเคยโพสต์อยากเห็นเศรษฐกิจไทยพินาศ ก็เลยงงว่า ให้มาร่วมทำงานได้ไง"

ภาพ รายชื่อคณะทำงาน ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Thanachart Numnonda
ทั้งนี้ นายภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น เป็นอดีตนักวิชาการสถาบันพระปกเกล้า และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เคยโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อปี 2558 ระบุว่า "ไม่รู้คิดแบบนี้โหดไปมั้ย...ตอนนี้ผมอยากให้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีสุดท้ายพังพินาศให้หมดทุกสาขา NPL เกิน 70% แรงงานตกงานเกิน 70% ที่สำคัญอยากเห็นภาคการเกษตรของประเทศล้มเหลวเกิน 70% ทั้งระบบ ทุกอย่างที่พูดมาต้องเละภายใต้ คสช.เท่านั้น อย่าเปลี่ยนเป็นรัฐบาลอื่น ให้เละในรัฐบาลนี้ให้ได้"(จากไทยโพสต์)


กำลังโหลดความคิดเห็น