"สุวัจน์-กรณ์" ถกผู้ประกอบการภูเก็ต ชู ท่องเที่ยวเท่านั้น ฟื้นประเทศ-เศรษฐกิจได้ ดันสู่ World Class City สร้างรายได้ให้คนทุกกลุ่ม ด้วยคำขวัญทำนอง ก่อนตายต้องมาเยือน มั่นใจ 2 ผู้สมัคร "เทมส์ - อรทัย" ผลักดันนโยบายทำได้จริง
วันนี้(6 เม.ย.) ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า มินิ คอนเวนชั่น ฮออล์ พรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) นำโดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 เบอร์7 และ น.ส.อรทัย เกิดทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 3 เบอร์1 ร่วมพูดคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อแลกเปลี่ยนต่อแนวทางการพัฒนาพื้นที่ รวมถึงจัดเวทีเพื่อแสดงนโยบายของพรรค หัวข้อ ภูเก็ตแบบไหน ได้ใจคนทั้งโลก โดยมี จูรี นุ่มแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 2 เบอร์ 8 มาร่วมสร้างแรงบันดาลให้กับผู้ประกอบการในฐานะประสบความสำเร็จจากการค้าขายออนไลน์ด้วย
นายสุวัจน์ กล่าวว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศปัจจุบัน จะรอนักลงทุน หรือการลงทุนนั้นยาก เพราะภาวะไม่เอื้อต่อการลงทุน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก ปัญหาสงคราม ภาวะโลกร้อน และการแบ่งขั้วของประเทศต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่จะฟื้นประเทศ และเศรษฐกิจได้ ตนมองว่ามีเพียงด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นพัฒนา 1-2 ปี ให้คนรากหญ้าอยู่ได้ ต้องฟื้นฟูด้านการท่องเที่ยว โดยพื้นที่ภูเก็ต การจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวได้ ต้องได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และต้องสร้างคำขวัญให้ภูเก็ตเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว และต้องมาเยือนก่อนตาย ตนเชื่อว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ ปีละ 50 ล้านคน จากปัจจุบันที่มี 12 ล้านคน
นายกรณ์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้คนไทย โดยพรรคให้ความสำคัญกับการสร้างนโยบายให้ประชาชนมีรายได้ นำเสนอในรูปแบบของเศรษฐกิจ 7 เฉดสี สร้างรายได้ 5 ล้านล้านบาท ซึ่งสามารถพัฒนาให้เข้ากับภูเก็ตเพื่อไปสู่ World Class ได้ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การสร้างธุรกิจใหม่ให้ท้องถิ่น สร้างงานใหม่เพื่อผู้สูงอายุ ขยายวีซ่ารับนักท่องเที่ยวให้อยู่ยาว ซึ่งทุกนโยบายของเราจับต้องได้จริง นอกจากนี้ การพัฒนาพื้นที่ จ.ภูเก็ต ต้องตอบสนองต่อความต้องการของคนภูเก็ตทุกคน ไม่เฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่เท่านั้น ซึ่งเรามั่นใจว่าด้วยผู้สมัครของทั้งสองคน จะสามารถพัฒนาภูเก็ต ไปสู่ World Class ได้ นอกจากนี้ยังเสริมนายสุวัจน์ว่า ภูเก็ตไม่เพียงแต่จะมาก่อนตายเท่านั้น แต่อยากให้เป็นการมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่ จ.ภูเก็ต
ด้านน.ส.อรทัย กล่าวว่า ภูเก็ตดีไม่ใช่มีแค่นายทุน แต่ภูเก็ตดีจะต้องมีนายทุนบวกชุมชน เป็นสิ่งที่เราต้องการ ตนอยากมุ่งเน้นเรื่องของวัฒนธรรม และสินค้าของจังหวัดภูเก็ต ให้มีการหมุนเวียนตั้งแต่ระดับรากหญ้าขึ้นมาถึงระดับบน อยากให้ธุรกิจ โรงแรม หอการค้า ได้มองเห็นสินค้าพื้นเมืองเหล่านี้แล้วขับเคลื่อนไปด้วยกัน เพราะมันคือซอฟท์พาวเวอร์ และให้เกิดไลฟ์สไตล์ทราเวล เกิดการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ
ขณะที่ นายเทมส์ กล่าวถึงการปกครองตนเองของภูเก็ต ว่า การมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมากในทุกวัน ทำให้ภูเก็ตสึกหรอ เมื่อทรัพยากรสึกหรอ รัฐบาลก็ต้องลงงบประมาณ หันมาซ่อมและปรับปรุงตลอดเวลา ส่วนโครงการต่างๆ ที่นำมาลงในพื้นที่ ควรให้คนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนด และอยากให้มีการเลือกผู้ว่าเมืองเอง ซึ่งเชื่อว่าทำได้เหมือน กทม.และพัทยา แต่จะทำให้ดีกว่า โดยไม่ได้ทำลายท้องถิ่นเดิมแต่ยกระดับให้ดีขึ้นและมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น
ด้านนายจูรี กล่าวว่า การค้าขายออนไลน์ เป็นสิ่งที่ชาวบ้านต้องทำความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหนต้องมาจับตลาดออนไลน์ก่อน เพราะมีผลมากต่อการนำสินค้าท้องถิ่นมาขาย ตนมีช่องมีเพจเป็นของตัวเอง มีคนติดตาม 1.8 ล้านคน เหมือนเราเป็นเจ้าของตลาดที่มีคนมาเดิน 1.8 ล้านคน คิดดูว่าเราจะต้องใช้เงินมากแค่ไหนที่จะทำให้คนมาเดินตลาดมากมายขนาดนั้น มันไม่มีทางเลย แต่ออนไลน์ทำได้ โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลย ตนใช้เวลา 11 เดือน ขายสินค้า ผันเงินในอากาศโดยวิสาหกิจชุมชนสามารถสำเร็จได้ด้วยโมเดลนี้
ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายในงานดังกล่าว ตัวแทนผู้ประกอบการพื้นที่เสนอแนะต่อการแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุน ของผู้ประกอบการขนาดเล็ก หลังจากที่ภูเก็ตฟื้นตัว ซึ่งนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ถือว่าโดนใจเขตพื้นที่เมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เป็นอย่างมาก เพราะหลายคนกระทบโดยตรงจากช่วงโควิด หากพรรคชาติพัฒนากล้าเป็นรัฐบาลและผลักดันการรื้อโครงสร้างระบบการกู้ยืมเงินได้ จะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในภูเก็ตอีกมาก