“ศิธา” ซัดเกินกว่าเหตุ การ์ด พปชร. ปะทะกลุ่มเห็นต่าง มองไม่ได้ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” แต่ต้อนคนไปอยู่ฝั่งเดียวกัน ด้าน “สุพันธุ์” ซัดปัญหาความขัดแย้งเกิดตั้งแต่ปีแรก แล้ว ปล่อยไว้ 8 ปี เพิ่งคิดจะก้าวข้าม
วันนี้ (2 เมษายน 2566) น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ชุลมุน "ตะวัน" ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ "แบม" อรวรรณ ภู่พงษ์ นักกิจกรรมอิสระ พร้อมกลุ่มได้มาทำกิจกรรมเคลื่อนไหวที่เวทีปราศรัยย่อยพลังประชารัฐ ว่า บางคนที่ไปก็มีผู้หญิง ไม่ใช่การ์ด ในประเด็นที่เรียกร้องใครจะว่าอย่างไรก็ว่ากันไป การที่จะปิดกั้นก็สามารถทำได้ แต่ไม่ควรใช้กำลัง เหตุการณ์ครั้งนี้มีการใช้การ์ด ที่มีลักษณะคล้ายทหาร ตำรวจนอกเครื่องแบบ ทั้งที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เคยพูดไว้แล้ว ว่า เขาก้าวข้ามความขัดแย้งแล้ว อยากให้คนไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีการรัฐประหาร ไม่มีความวุ่นวาย แต่นี้มีคนแค่กลุ่มเดียวต้องการมาเรียกร้อง กลับเกิดการปะทะกัน
"คำพูดที่ว่าหากคนไทยเป็นหนึ่งเดียวกันจะไม่มีการรัฐประหารหากทำได้คงทำไปตั้งแต่ครั้งที่แล้วแล้ว เพราะเขาเอาคนที่ไม่ได้เป็นคนกลุ่มเดียวกับเขา แล้วออกมาแสดงความเห็นเอาไปขัง ปรับทัศนคติ รัฐบาลที่สืบเนื่องมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน ก็คือคณะรัฐประหาร เป็นการอ้างว่าปรับทัศนคติ แล้วอ้าง กระบวนการทางกฎหมายเอาตัวคนไปกักไว้ 7 วัน ตนพูดมาทุกเวทีว่า ตนก็โดนเอาไปขังไว้ในห้องแมลงสาบ เพื่อที่จะกด ว่าหากออกมาแล้วไม่มีความคิดตรงกับพวกเขา ก็จะโดนแบบนี้ ซึ่งเป็นการข่มขู่" น.ต.ศิธากล่าว
เมื่อสอบถามว่าภาพที่สะท้อนเมื่อวานนี้แสดงให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ก้าวข้ามความขัดแย้ง เหมือนที่พูดไว้ใช่หรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า เขาไม่ได้ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ต้องการให้ทุกคนก้าวไปอยู่ฝั่งเดียวกับเขา ซึ่ง 8 ปีที่ผ่านมาก็เป็นลักษณะแบบนี้ และที่ผ่านมาก็มีการเขียนกฎหมายเพื่อประโยชน์ให้กับตัวเอง พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นหมาป่า หากเป็นแบบนี้ประเทศชาติก็เดินต่อไปไม่ได้
เมื่อถามว่า หากช่วงการเลือกตั้ง มีคนออกมาแสดงความเห็นต่างจะเกิดการทำร้าย กันมากขึ้นหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ไม่ควรมีเหตุการณ์รุมทำร้ายอย่างยิ่ง ซึ่งอาจจะต้องมาพูดคุยกัน ขอผู้เห็นต่างให้ทำภารกิจให้เสร็จก่อน ซึ่งหากกลุ่มผู้ชุมนุมขัดขวางกิจกรรมอาจจะมีปัญหาบ้าง จะต้องเจรจาให้ได้ มองว่าสิ่งสำคัญต้องสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจ คิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ไม่ใช่ ใต้โต๊ะทำอย่างนึง หลังบ้านพูดอย่างนึง หากเป็นแบบนี้ประชาชนก็ไม่ต้องการ หากพรรคการเมืองเสนอนโยบายที่ตรงไปตรงมากับประชาชน เขาก็ไม่ต้องมาทวงถาม และมองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกินกว่าเหตุ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า 8 ปีมาแล้ว ทำไมถึงขึ้นคิดได้ว่า จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ทั้งที่ความขัดแย้งมีตั้งแต่ปีแรกแล้ว ส่วนตัวไม่เข้าใจ