วันนี้(31 มี.ค.)ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล กรุงเทพมหานคร เขต 13 (ลาดพร้าว-บึงกุ่ม) แสดงความเห็นในโอกาสที่วงรอบการเกณฑ์ทหารกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือน เม.ย. นี้ โดยระบุว่า อีกไม่นานประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลเกณฑ์ทหารอีกครั้ง เป็นความหวาดหวั่นของชายไทยวัยหนุ่มและครอบครัว ที่ในชีวิตนี้เกิดมาไม่อยากแม้กระทั่งจะจับปืนด้วยซ้ำ ผมที่เคยเป็นทหารอาชีพมาก่อน ได้สัมผัสชีวิตของทหารเกณฑ์มาหลายคน อดสงสารไม่ได้ที่หลายคน ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว กำลังจะต้องออกไปเติบโตหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว แต่กลับต้องเอาชีวิตสองปีมาทิ้งเปล่า ๆ ในค่ายทหาร
ร.ท.ธนเดช ระบุว่า ในฐานะอดีตทหารคนหนึ่ง ตนยืนยันได้ว่าระบบการเกณฑ์ทหาร คือระบบที่ไร้ประสิทธิภาพที่สุดในการสร้างกองทัพที่เข้มแข็ง ระบบการเกณฑ์ทหาร เป็นระบบโบราณที่อารยะประเทศหลายแห่งเลิกใช้ไปนานแล้ว เว้นแต่ประเทศที่มีภัยสงครามเกิดขึ้นตลอดเวลา นั่นเพราะมันคือระบบที่ประสิทธิภาพต่ำ นำเอาคนที่ไม่เต็มใจจะเป็นทหารมาถือปืนสู้รบ ซึ่งในสมัยโบราณที่การสงครามเน้นจำนวนคนไว้ก่อนอาจจะพอสมเหตุสมผล แต่ปัจจุบันระบบทหารเกณฑ์ไม่ใช่คำตอบอีกต่อไปแล้ว หากพิจารณาสถานการณ์การสู้รบในยูเครนขณะนี้ก็จะยิ่งเห็นได้ชัด ว่าฝ่ายที่เกณฑ์ทหารไปออกรบอย่างรัสเซีย ระดมกำลังจำนวนมหาศาลไปตายในแนวหน้าจำนวนมาก ขณะที่ฝ่ายที่ใช้อาสาสมัครทหารอาชีพ และได้เทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่ามาทำศึก ยังสามารถตั้งยันกองทัพรัสเซียได้อยู่โดยที่สูญเสียน้อยกว่ามาก
นอกจากนี้ ระบบทหารเกณฑ์ยังเป็นหนึ่งในระบบที่ก่อให้เกิดความฉ้อฉลมากที่สุดระบบหนึ่งภายในกองทัพของไทย ตั้งแต่ก่อนการจับใบดำใบแดง ที่ขณะนี้ตนทราบมาว่า เริ่มมีการออกอัตราราคาที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะสำหรับคนที่ไม่อยากเป็นทหารเกณฑ์เกิดขึ้นแล้วในหลายจังหวัด ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อเข้าไปแล้ว ทหารเกณฑ์จำนวนมากยังต้องถูกบีบให้ยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ของผู้บังคับบัญชา เช่น การยอมมอบเงินเดือนให้เพื่อแลกกับการได้อยู่บ้าน การถูกเอาตัวไปรับใช้ในบ้านของนาย เป็นต้น
ร.ท.ธนเดช ยังกล่าวต่อไปว่า ทหารไม่ใช่อาชีพสำหรับทุกคน ทุกบุคคลมีความถนัดและความรักในอาชีพที่แตกต่างกันไป การเอาคนที่สามารถเป็นบุคลากรสำคัญให้กับประเทศชาติในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การแพทย์ วิศวกร สถาปนิก หรือแม้แต่แรงงาน มายำรวมกันให้เป็นทหารอยู่สองปี คือการสร้างความสูญเสียให้กับประเทศมากกว่าที่จะเป็นผลได้ โอกาสที่คนหนุ่มเหล่านี้จะได้ไปสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ เสียภาษีให้กับรัฐ ต้องสูญเสียไปเปล่า ๆ เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ความฉ้อฉลของผู้บังคับบัญชาหลาย ๆ คน เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลที่สุด
พรรคก้าวไกล เน้นย้ำมาโดยตลอดถึงนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ เพราะเราเห็นแล้วว่าระบบทหารเกณฑ์ คือความสูญเสียมากกว่าผลลัพธ์ที่ดีสำหรับประเทศชาติ และแม้แต่กองทัพเอง ที่ต้องใช้งบประมาณไปในการหล่อเลี้ยงระบบที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะเราเห็นว่า ทหารอาชีพที่มีอยู่นั้นเพียงพออยู่แล้วกับการรักษาอธิปไตยของชาติ แต่สิ่งที่ขาดคือการตอบแทนและดูแลสวัสดิการให้กำลังพลเหล่านี้ และการเสริมเขี้ยวเล็บด้วยเทคโนโลยีให้กับทหารอาชีพต่างหาก ซึ่งหากเราสามารถยกเลิกการเกณฑ์ทหารบังคับได้ งบประมาณที่จะนำมาพัฒนาคุณภาพชีวิตและการฝึกฝนทหารอาชีพที่มีประสิทธิภาพ จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าสำหรับประเทศและการมีกองทัพที่เข้มแข็งในอนาคต
“การรับใช้ชาติสามารถทำได้หลายทางตามความถนัดของแต่ละคน การบอกว่าชายไทยต้องรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารเป็นแนวคิดโบราณที่ไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไปแล้ว สถานการณ์ความมั่นคงก็เปลี่ยนรูปแบบไปมากแล้ว มันสมเหตุสมผลหรือ ที่เราจะเอาคนที่กำลังจะเป็นหมอ สถาปนิก วิศวกร นักบัญชี และแรงงานที่กำลังจะไปรับใช้ชาติในทางที่พวกเขาถนัด ไปแช่แข็งอยู่ในค่ายทหารนานถึงสองปี เพื่อทำในสิ่งที่พวกเขาไม่อยากทำ และต่อให้มีสงครามจริง ๆ กำลังรบแบบนี้คือกำลังรบที่มีประสิทธิภาพน้อยที่สุด ทำไมเราไม่เอางบประมาณหลายแสนล้านต่อปีในการเกณฑ์ทหารมาส่งเสริมทหารอาชีพให้พวกเขาอยู่ดีกินดี ให้พวกเขามีเขี้ยวเล็บที่ทรงพลานุภาพแทน” ร.ท.ธนเดช กล่าว
ร.ท.ธนเดช ยังกล่าวต่อไปว่า แม้พรรคก้าวไกลไม่อาจมีอำนาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ในการเกณฑ์ทหารรอบนี้ แต่อย่างไร หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ระบบการเกณฑ์ทหารแบบบังคับจะต้องถูกยกเลิกแน่นอน เพื่อคืนอนาคตให้ชายไทยทุกคน และเพื่อนำไปสู่การสร้างกองทัพที่เข้มแข็งด้วยสมรรถนะ ไม่ใช่ด้วยจำนวนอย่างไร้ประโยชน์แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้