อธิบดีที่ดิน เผย ศาล ปค.กลางพิพากษา กรมที่ดินละเลย ปมที่ดินเขากระโดง สั่งจับมือ รฟท.ลุยสอบแนวที่ดิน พร้อมเตรียมตั้ง คกก.สอบสวนการให้แล้วเสร็จใน 60 วัน
วันนี้ (30 มี.ค.) นายชยาวุธ จันทร อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวภายหลังเข้ารับฟังคำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. ยื่นฟ้องกับกรมที่ดิน กับพวกรวม 2 คน กรณีละเลย ไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่ากรมที่ดินละเลยไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ส่วนในประเด็นที่ รฟท.ฟ้องว่า กรมที่ดินกระะทำละเมิดให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนการขาดประโยชน์จากที่ดินที่เป็นของการรถไฟฯ จำนวน 700 ล้าน ศาลพิพากษายกฟ้องประเด็นนี้
ทั้งนี้ ศาลฯระบุว่า เป็นหน้าที่ของกรมที่ดินที่จะต้องดูแลที่ดินของรัฐก็ให้ไปดำเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งกรมที่ดินเคารพในคำพิพากษา แล้วจะดำเนินการตามคำพิพากษาโดยในวันพรุ่งนี้ จะนำคำพิพากษาเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาปัญหาข้อกฎหมายของกรมที่ดิน เพื่อพิจารณาว่าจะต้องมีการอุทธรณ์หรือไม่อย่างไรและวางแนวปฏิบัติ
นายชยาวุธ ยังชี้แจงว่า ที่ก่อนหน้านี้ กรมที่ดินไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 เพราะว่า โดยปกติเมื่อกรมที่ดินได้มีการออกเอกสารสิทธิให้กับประชาชนและมีการเข้าทำประโยชน์แล้ว การจัดตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะกระทำก็ต่อเมื่อได้มีกรณีต้องสงสัย หรือมีการตรวจสอบจนมีความชัดเจนพอสมควรว่าน่าจะมีการออกเอกสารสิทธิโดยผิดพลาดหรือโดยไม่ชอบ เพราะถ้าตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 เจ้าหน้าที่ที่ดินจะต้องขึ้นบัญชีอายัด และติดประกาศอายัดที่สารบบที่ดิน โดยเจ้าพนักงานจะตัดหมายติดไว้ว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 เพื่อให้คนที่จะมาทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินแปลงดังกล่าวได้ทราบ
“เราไม่ได้ละเลยเพราะผู้มีส่วนได้เสียกับที่ดินบริเวณนั้นร่วม 1,000 แปลง เขาจะต้องเผชิญกับสิ่งที่ตนบอก ซึ่งที่ผ่านมา 95% ของที่ดินที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 จะมีการเพิกถอน เราจึงต้องมีข้อมูลที่มั่นใจเพียงพอจึงจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าว เพราะไม่ต้องการให้เกิดการกระทบกระเทือนกับประชาชนที่ถือเอกสารสิทธิ์จากที่กรมที่ดินเป็นผู้ออกให้”
อธิบดีกรมที่ดิน ยังกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ได้ฟังคำชี้แจงของตุลาการผู้แถลงคดี ได้เรียกประชุมและตั้งคณะกรรมการเพิ่มเติมอีก 1 ชุด โดยมีการส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพถ่ายทางอากาศดูแล้วก็พบร่องรอยแนวรางรถไฟในพื้นที่ดังกล่าวกับรูปแผนที่ที่การรถไฟนำเสนอต่อศาลเมื่อปี 2539 ซึ่งพบว่าเป็นคนละเส้นกันก็ให้เจ้าหน้าที่เรียบเรียงและรายงานต่อศาลเมื่อวานที่ผ่านมา แต่เมื่อศาลมีคำพิพากษาในวันนี้ก็จะมอบหมายรองอธิบดีที่กำกับดูแลงานในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61
“ในคำพิพากษาวันนี้ชัดเจนว่าศาลให้การรถไฟซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินในบริเวณนี้ ร่วมกับกรมที่ดินไปดำเนินการตรวจสอบ แนวที่ดินให้ชัดเจนว่า แผนที่ที่ชัดเจนแน่นอนนั้นเป็นอย่างไร เพราะแผนที่ฉบับปี 39 ที่การรถไฟฯส่งมอบให้ศาลพิจารณานั้น เรายังไม่ได้จัดทำพล็อตลงในระวางของกรมที่ดิน ซึ่งกรมที่ดินก็ได้มีการทำไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้”
นายชญาวุธ กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 หน้ากลมจะให้ผู้ตรวจราชการกรมที่ดิน นั่งเป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการฯจะเป็นผู้พิจารณาว่าเอกสารสิทธิที่ออกไปผิดพลาดต้องมีการเพิกถอนหรือไม่ ซึ่งระยะเวลาการทำงานก็มีอยู่ต้องสอบให้เสร็จภายใน 60 วัน และขยายได้อีก 60 วัน หากดำเนินการไม่เสร็จ และหากท้ายที่สุดแล้วมีการเพิกถอนในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ กรมที่ดินก็ต้องมาพิจารณาว่าดำเนินการออกโดยชอบหรือไม่ ต้องรับผิดทาง วินัย อาญา และละเมิด หรือไม่