ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค.66 พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ เหนือ "พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ที่ศูนย์เยาวชนหลักสี่ การเคหะท่าทราย โดยมีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 6 เขต ประกอบด้วย ภญ.สุชาดา เบล เวสารัชตระกูล เขตดอนเมือง, น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน), นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ์ เขตบางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน), ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น เขตสายไหม (เฉพาะแขวงออเงิน) เขตบางเขน (เฉพาะแขวงท่าแร้ง) เขตลาดพร้าว (เฉพาะแขวงจรเข้บัว), นายรังสรรค์ กียปัจจ์ เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน) เขตจตุจักร(ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) และ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เขตบางซื่อ เขตดุสิต (เฉพาะแขวงถนนนครไชยศรี)
ด้านนายสนธิรัตน์ เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นมิตรกับทุกฝั่ง ไม่ใช่เลือกฝั่งนี้ ทำให้อีกฝั่งชนะ เพราะไม่ว่าใครชนะ แต่ประเทศไทย แพ้เสมอ ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐขอแสดงจุดยืนว่า ไม่ว่าพรรคใดจะชนะ เราพร้อมร่วมสร้างสมานฉันท์ เพราะเราคือคนไทย เราต้องไม่มาต่อสู้กัน ให้เกิดความขัดแย้งเหมือนในอดีต
"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเคยบอกกับผมว่า อยากเห็นคนไทยรักกันไม่อยากให้มีความขัดแย้ง การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะต้องเลือกพรรคที่สามารถนำพาประเทศรอดได้ ตนเป็นตัวแทนเศรษฐกิจ ท่านจะต้องเลือกคนและทีมที่สามารถมาแก้ปัญหาปากท้องให้ท่านได้"
ขณะที่นายสกลธี กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า ขอขอบคุณชาวกรุงเทพโซนเหนือทุกคนที่มาร่วมให้กำลังใจวันนี้ รวมถึงชาวหลักสี่ที่เคยให้โอกาสตนได้มาเป็น ส.ส.สมัยแรกในวัย 29 ปี และตอนที่ตนเป็นรองผู้ว่าฯ ก็ได้ดูแลพื้นที่นี้เป็นหลัก จึงมีความผูกพันในการทำงานกับพี่น้องโซนกรุงเทพเหนือ วันนี้จึงเหมือนได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง
"สกลธีคนเดิมขออาสาพาพลังใหม่ พลังกรุงเทพฯ ของพลังประชารัฐ ที่จะเข้ามาพัฒนากรุงเทพฯของเรา เพราะเรารู้ปัญหาของชาว กทม.เป็นอย่างดี และพรรคพลังประชารัฐ มี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน"
ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัคร กทม.ของ พรรคพลังประชารัฐ ได้สลับกันขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน) เขตจตุจักร(ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า ต้องเองทำพื้นที่มาร่วมกว่า 20 ปี คู่กับนายสกลธีมาตลอด โดยเฉพาะช่วงวิกฤตน้ำท่วม และช่วงวิกฤติโควิด-19 ทั้งนี้ตนต้องการพลักดันให้เขคหลักสี่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหลายๆด้าน จึงขอเป็นตัวแทนเขตหลักสี่ ลงชิงชัยศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ และขอให้ชาวหลักสี่มั่นใจในตัวเอง เหมือนในช่วงวิกฤตน้ำท่วม และช่วงวิกฤติโควิด-19 มาโดยตลอด
ทั้งนี้ บรรยากาศเวทีปราศรัยมีประชาชนมาร่วมรับฟังกว่า 2000 คน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก