แจงผลใช้เงินกู้สู้โควิด 2.9 พันล้าน “เศรษฐกิจฐานราก ปี 65” ฉบับมหาดไทย กว่า 2,423 โครงการ ลง 800 ท้องถิ่นทั่วประเทศ ไร้แววเบิกจ่าย 53 โครงการ วงเงิน 254.88 ล้าน หลังสิ้นสุดระยะเวลาโครงการสิ้นปีงบปีก่อน แถมอีกว่า 44 โครงการ วงเงิน 154 ล้าน ใน 18 จังหวัด ถูกยกเลิก อ้างไม่สามารถจัดหาผู้รับจ้าง/ลงนามผูกพันสัญญาได้ทัน
วันนี้ (20 มี.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 รายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เพื่อรับทราบ ความคืบหน้า โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565 จำนวน 2,423 โครงการ วงเงิน 2.9 พันล้าน ที่ดำเนินการโดยท้องถิ่น กว่า 800 แห่ง ในกำกับกระทรวงมหาดไทย
พบว่า มีโครงการที่สิ้นสุดระยะเวลาโครงการและไม่มีการเบิกจ่าย จำนวนรวม 53 โครงการ วงเงินอนุมัติรวม 254.88 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่ผูกพันสัญญา ภายในวันที่ 30 พ.ย. 2565 จำนวน 43 โครงการ วงเงินรวม 208.06 ล้านบาท
และ โครงการที่ ผูกพันสัญญาหลังวันที่ 30 พ.ย. 2565 จำนวน 4 โครงการ วงเงินอนุมัติรวม 26.66 ล้านบาท และ โครงการที่ยังไมได้ผูกทันสัญญา 6 โครงการ วงเงินอนุมัติรวม 20.16 ล้านบาท
ครม. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เร่งดำเนินการประสานจังหวัดในการตรวจสอบ การดำเนินโครงการของหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ
“กรณีที่จังหวัดไม่สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่ไดัรับ อนุมัติตามมติ ครม.ให้จังหวัดเร่งดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของ โครงการ และ/หรือเสนอขอยกเลิกการดำเนินโครงการตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564”
ล่าสุด ครม. อนุมัติให้จังหวัดเปลี่ยนแปลงรายละเอียด และ “ยกเลิก” โครงการที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ รวม 164 โครงการ ใน 36 จังหวัด กรอบวงเงิน 523.5041 ล้านบาท ตามที่ รมว.มหาดไทย ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
พบว่า มีโครงการที่ “ยกเลิก” แล้ว 44 โครงการ วงเงิน 154.8708 ล้านบาท ในจังหวัดสมุทรปราการ พังงา นครปฐม ปทุมธานี พิษณุโลก กำแพงเพชร นครศรีธรรมราช นนทบุรี นครสวรรค์ เชียงราย
สตูล สกลนคร นครพนม ชัยนาท อุดรธานี บุรีรัมย์ บึงกาฬ และ ปราจีนบุรี
เนื่องจากไม่สามารถจัดหาผู้รับจ้างและลงนามผูกพันสัญญาได้ทันภายในเดือน พ.ย. 2565 ตามมติ ครม.เดิม รวมถึงไม่สามารถดำเนินการ ให้แล้วเสร็จได้ทันตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติตาม มติ ครม.
ทั้งนี้ ได้อนุมัติ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของ 109 โครงการ วงเงิน 330.73.03 ล้านบาท ในจังหวัดมหาสารคาม หนองบัวลำภู ปทุมธานี พิษณุโลก ชัยภูมิ กำแพงเพชร ลำปาง
สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สระแก้ว ลำพูน นครสวรรค์ จันทบุรี เชียงราย สตูล นครพนม ประจวบคีรีขันธ์ สุโขทัย แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี ระนอง ลพบุรี สงขลา กระบี่ ปราจีนบุรี
โดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการฯ เป็นเดือน พ.ค. 2566 เนื่องจาก ได้ลงนามผูกพันสัญญาแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินโครงการแล้ว
สุดท้าย เปลี่ยนแปลง รายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของ 11 โครงการ วงเงิน 37.9030 ล้านบาท พร้อมทั้งขยายระยะเวลาสิ้นสุดการดำเนินโครงการฯ เป็น เดือ พ.ค. 2566
เนื่องจากได้ลงนามผูกพันสัญญาแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินโครงการ ในจังหวัดนครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง เชียงใหม่ นนทบุรี ตราด และหนองบัวลำภู
สำหรับ “เงินกู้” นี้ เป็นไปตามกรอบแผนงาน หรือโครงการ กลุ่มที่ 3 ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 วงเงินกู้ 2,989,248,306 บาท
ตามโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2565 ที่จัดสรรให้เทศบาลตำบล (ทต.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ประมาณ 800 แห่ง ใน 76 จังหวัด