อดีตรมว.ยธ. แถลงซบพท. ลาออกรมว.ยธ. หวังแลนด์สไลด์สร้างรบ.ที่แข็งแกร่ง ติงรบ.ผสมไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร เพราะต้องแบ่งเค้กกระทรวงฯ ไม่คาดหวังตำแหน่งในพรรค ระบุไม่มีแล้วกลุ่มสามมิตร เชื่อคนเสื้อแดงเข้าใจหลังเปลี่ยนขั้ว
วันนี้ (17 มี.ค. 66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอดีตแกนนำพรรคพลังประชารัฐ แถลงถึงสาเหตุของการย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย โดยได้ยื่นเอกสารลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วในวันนี้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนพูดทุกครั้งเรื่องการเมืองในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนมีข้อคิดแนวทาง และสิ่งที่ตัดสินใจใน 3 ประเด็นหลัก คือ ฟ้า ดิน และอากาศ ซึ่งฟ้า และดินได้อธิบายความไปชัดเจนแล้ว แต่วันนี้ในส่วนที่ตนต้องพูดคุยคือเรื่องของอากาศ นั่นคือ การที่ตนให้ความสำคัญในเรื่องของทีมงานในการคิดนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง เพราะถ้าเรามีทีมงานที่ดี แต่การทำนโยบายต่างๆ นั้นไม่ชัดเจน หรือมีความขัดแย้ง แนวนโยบายเหล่านั้นก็จะไม่สามารถส่งผลสำเร็จให้เกิดกับประเทศและประชาชนได้
อย่างเช่น การตั้งรัฐบาลในครั้งที่ผ่านมานี้ ต้องยอมรับว่า เมื่อมีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามา ทำให้การดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศที่มาก และรัฐบาลก็ไม่ได้แก้ไขในเรื่องของเศรษฐกิจได้ดีเท่าไหร่ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี การดำเนินการในการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นนั่นคือเสถียรภาพของรัฐบาลหน้า แม้ว่าในครั้งที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส. มากถึง 118 คน แต่ไม่สามารถทำเรื่องของเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชนเกิดความพึงพอใจได้ เหตุมาจากต้องเป็นรัฐบาลผสมมีพรรคการเมืองหลายพรรคที่เข้ามาต่อรองกันในเรื่องของกระทรวงต่างๆ และพรรคพลังประชารัฐนั้นก็ไม่ได้ดูกระทรวงเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั้งหมด กลับดูเพียงบางส่วน และให้พรรคการเมืองอื่นเป็นหลัก
ดังนั้นการที่จะทำให้สิ่งต่างๆ สัมฤทธิ์ผล ตนจึงเลือกพรรคการเมืองที่แลนด์สไลด์ ตนก็คิดว่าสิ่งที่ต้องดำเนินการคือ เราต้องช่วยประคับประคองให้ความเป็นอยู่ และการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนในภาพรวมดีขึ้น ไม่ให้ GDP ตกต่ำอย่างในทุกวันนี้ และพรรคการเมืองที่จะแลนด์สไลด์ คงต้องเป็นเพื่อไทย และตนจะเป็นส่วนทำให้แนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ได้ประสบความสำเร็จ เป็นที่พึ่งที่หวังของพี่น้องประชาชนในเรื่องของการแก้ปัญหาต่างๆ และความยากจนของประเทศ ตนจึงได้ดำเนินการตัดสินใจที่จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพื่อร่วมแนวทางในการขับเคลื่อนในแนวนโยบายต่อไปในวันข้างหน้า
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนได้ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว และได้เขียนใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนการ อย่างช้าที่สุดคือวันจันทร์ที่ 20 มี.ค. นอกจากนี้ตนได้ไปเรียนกับ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และการที่ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านไม่ได้มีปัญหา และท่านก็ให้สินให้พรตามเอกภาพ อีกทั้งในส่วนของความแตกแยก หรือความไม่พึงพอใจอะไรต่างๆ นั้นก็ต้องเรียนว่า ไม่มี
“การที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคมันเป็นปัญหา และเป็นอุปสรรค การที่มีทีมงานในพรรคการเมืองที่ไม่เกิดความสามัคคีก็จะเป็นปัญหา และอุปสรรคของการขับเคลื่อนนโยบาย ผมได้พิจารณาดูแล้วว่า พรรคเพื่อไทยมีทีมงานที่ชัดเจนเข้มแข็ง และส่วนใหญ่ก็เป็นพรรคพวกกันมาก่อน ซึ่งไม่เคยมีความรู้สึกที่มีอะไรที่แตกต่างกัน เป็นบุคลากรที่เข้าใจและพูดคุยกันได้” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีส่วนช่วยให้พรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส. ถึง 310 เสียง หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า ตนดูจากโพลเมื่อสองเดือนที่แล้วก็คิดว่าพรรคเพื่อไทยนั้นได้ 220 เสียง แต่ตนจะไปช่วย และทำให้ตัวเลขของ ส.ส. ของเพื่อไทยมันสูงขึ้น และเชื่อมั่นว่า ประชาชนเข้าใจและทำให้การเมืองในระบบประชาธิปไตยง่ายขึ้นในการพัฒนา ซึ่งตนก็จะเข้าไปเป็นแรงหนึ่ง และการเป็นรัฐบาลก็เป็นความใฝ่ฝันของพรรคการเมืองทุกพรรค แต่จะเป็นได้หรือไม่ได้ทางพรรคการเมืองก็มีเงื่อนไข แต่ตนเชื่อมั่นว่า “ถ้าประชาชนเลือกมากๆ พรรคเพื่อไทยก็จะแลนด์สไลด์ให้ได้เป็นรัฐบาล”
เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคพลังประชารัฐจะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนนี้เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคคุยกัน ตนไม่สามารถตอบหรือให้ความเห็นในลักษณะนี้ได้ ซึ่งต้องให้เกียรติกับคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง และในขณะนี้ดูเหมือนยังไม่มีการคุยกัน ซึ่งฟังจากเมื่อวานนี้ที่ตนพบกับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ แม้ว่าตนจะพยายามถามแต่ก็ไม่ได้มีคำตอบที่ชัดเจน นั่นก็แสดงว่ายังไม่ได้มีการคุยกัน
เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายมองว่า หากกลุ่มสามมิตรเข้าพรรคไหน ก็จะทำให้พรรคนั้นได้เป็นรัฐบาล สมศักดิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีพื้นที่ใหม่ๆ ที่ให้สามารถช่วยกันสร้างผู้แทนฯ ในพื้นที่เหล่านั้นได้ ไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้ยึดแนวทางในเรื่องของนโยบายเป็นหลัก และใช้ปัจจัยอื่นหาเสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ได้ใช้ปัจจัยอื่น
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถึงการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า นายกฯ ได้พูดคุยกับสุริยะ และสุริยะได้ถ่ายทอดให้ตนฟังแล้ว ซึ่งนายกฯ ไม่ได้ติดใจอะไร พร้อมบอกให้โชคดี ตนก็กราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่ให้ตนได้มีโอกาสได้ทำงานได้แสดงฝีมือ เพราะว่าตนเมื่อย้ายไปอยู่ตรงไหนก็ทำงานเต็มที่ ดังเช่นที่ตนอยู่พรรคพลังประชารัฐ และดูแลกระทรวงยุติธรรมก็มีประธานวุฒิสภาพูดว่า เดิมทีกระทรวงยุติธรรมเป็นกระทรวงเกรด C แต่วันนี้เป็นเกรด A แล้ว
เมื่อถามว่า คาดหวังว่าจะได้ตำแหน่งสำคัญในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้คาดหวังเพราะการคาดหวังทำให้เราเสียใจ แต่เบื้องต้นนั้นสมาชิกในพรรคก็แสดงความยินดี ส่วนจะคาดหวังเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลหน้าหรือไม่ สมศักดิ์ ก็ย้ำวรา ไม่ได้คาดหวัง เพราะตนเคยคาดหวังไว้จะดูกระทรวงหนึ่ง แต่ได้เป็นอีกกระทรวงหนึ่ง หรือไม่ได้เป็นก็ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะเรารู้แล้วว่า ถ้าหากว่าเราเป็นรัฐมนตรีโดยที่ทีมงานของรัฐบาลไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้สะดวก มันก็จะยาก และกลายเป็นความขัดแย้งที่ตามมา
เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็น Voter หลักของพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่เข้าใจที่เปลี่ยนขั้ว สมศักดิ์ กล่าวว่า มีบ้างเพราะเราเปลี่ยนที่ในขณะที่คนอื่นเขายังอยู่ แต่โดยส่วนใหญ่ที่ตนได้รับโทรศัพท์ หรือข้อมูลข่าวสารออกมา ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็สูงมากจากการที่เพื่อนสมาชิกได้แสดงความรู้สึกที่เป็นห่วง
เมื่อถามว่า เมื่อเข้าไปอยู่ในพรรคเพื่อไทยแล้วจะมีกลุ่มสามมิตรอยู่อีกหรือไม่ สมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีกลุ่มสามมิตรแล้ว แม้เมื่อก่อนจะมีคนพูดว่ากลุ่มวังน้ำยมบ้าง แต่อย่าไปพูดเลย ยืนยันว่า ไม่มีความพยายามสร้างกลุ่ม
เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทย แลนด์สไลด์แล้วทหารไม่ยอมรับจนมีการรัฐประหาร สมศักดิ์ กล่าวว่า นั่นเป็นเรื่องนอกระบบ แต่ตนไม่เคยเดินขบวนการชุมนุม ตนเป็นผู้แทนฯ ตั้งแต่ปี 2526 และเป็นคนเดียวที่ไม่เคยเดินขบวน ตนไม่มีนอกระบบ และตนฝักใฝ่แต่เรื่องของการทำงาน และทำประโยชน์ตามแนวนโยบายของรัฐบาลให้ประชาชนอย่างชัดเจน อะไรที่ต้องไปถือไม้ไล่ตีชกต่อยนั้นไม่มี
เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นขั้วตรงข้ามกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ สมศักดิ์ กล่าวว่า ถึงเวลาเมื่อการเลือกตั้งจบแล้ว รัฐบาลมันอยู่ที่ตัวเลข ดังนั้นเราต้องหาทางที่ลดหย่อน จึงอยากเรียนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศไปเลยว่า หากเป็นรัฐบาลแล้วเป็นรัฐบาลผสม นโยบายที่จะแก้ปัญหาพี่น้องประชาชนนั้นไม่เต็มที่หรอก นั่นจึงเป็นโอกาสดีแล้วที่จะมาร่วมแรงร่วมใจกันเป็นโอกาสดีที่จะบอกพี่น้องประชาชนทุกท่านให้มาช่วยกัน มาทำแลนด์สไลด์ให้สมหวัง