กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเปิดจุดจ่ายน้ำบาดาลเพื่อประชาชน 203 แห่ง ในพื้นที่ 54 จังหวัด สนับสนุนโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง” ปี 2566
เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยผู้แทนจาก 4 หน่วยงานภาคี ประกอบด้วย นายสุทธิพล เอี่ยมประเสริฐกุล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นายวิบูลย์ วงสกุล ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค และนายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2566 โดยแต่ละหน่วยงานได้ให้การสนับสนุนกำลังพล แหล่งน้ำสะอาด รถบรรทุกน้ำ พลังงานไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงเครื่องจักรอุปกรณ์ที่จำเป็นในการให้ความช่วยเหลือประชาชนบรรเทาปัญหาภัยแล้งจากการขาดแคลนแหล่งน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคบริโภค
นายสุทธิพล เอี่ยมประเสริฐกุล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า โครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง” เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบันก้าวเข้าสู่ ปีที่ 25 แล้ว โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ให้การสนับสนุนจุดจ่ายน้ำบาดาลเพื่อประชาชน จำนวน 191 แห่ง ในพื้นที่ 49 จังหวัดทั่วประเทศ และในปี 2566 นี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลให้การสนับสนุนจุดจ่ายน้ำบาดาลเพื่อประชาชน จำนวน 203 แห่ง ในพื้นที่ 54 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้บริการน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำจนกว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะคลี่คลาย นอกจากนี้ กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้เตรียมความพร้อมของบุคลากร รวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ ชุดเจาะบ่อน้ำบาดาล 84 ชุด ชุดปรับปรุงคุณภาพน้ำเคลื่อนที่ 15 ชุด และชุดซ่อมระบบประปาและเครื่องสูบน้ำ 29 ชุด เพื่อให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาภัยแล้งแก่ประชาชนด้วย
นายสุทธิพล กล่าวต่อว่า สำหรับปีงบประมาณ 2566 กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลในการช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ การจัดหาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 106 แห่ง รวม 256 บ่อ และน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร จำนวน 202 แห่ง รวม 414 บ่อ คิดเป็นปริมาณน้ำต้นทุนกว่า 2.6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี มีครัวเรือนได้รับประโยชน์กว่า 13,500 ครัวเรือน และมีพื้นที่เกษตรกรรมได้รับประโยชน์กว่า 37,000 ไร่