“ศิรินันท์ ศิริพานิช” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ หนุนนโยบาย Future Skill ผลักดันให้เกิดการเรียนรู้ทักษะที่โลกอนาคตต้องการ เปิดโอกาสทางอาชีพและรายได้ให้คนไทย มุ่งสร้างงานดี รายได้แรงให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ (17 มี.ค.) น.ส.ศิรินันท์ ศิริพานิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยในขณะเข้าร่วมงาน “CODING ERA Next Wave of Thailand’s Education หรือ ยุคโค้ดดิ้ง คลื่นลูกใหม่แห่งการศึกษาไทย” ว่า จากการที่ตนคร่ำหวอดในวงการการศึกษามากกว่า 10 ปี ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการเด็ก สตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสของพรรค และเป็นว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. ได้เตรียมผลักดันนโยบายด้าน Future Skill หรือทักษาแห่งอนาคต ให้เกิดขึ้นจริง เพื่อเตรียมความพร้อม สร้างทักษะการทำงาน และอาชีพแห่งโลกอนาคต พร้อมสร้างบุคลากรที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก นำมาซึ่งรายได้ที่ดี และคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ดังนั้นจึงทำให้มองย้อนไปว่า ตลาดงาน ต้องการใครไปทํางาน และงานอะไรที่ตอนนี้เป็นที่ต้องการ จนสร้างรายได้ที่สูงขึ้น โดยเห็นว่างานด้าน Coding, Robotic, รถพลังงานไฟฟ้า (EV) เป็นต้น ล้วนแต่เป็นงานที่ตลาดโลกต้องการในปัจจุบัน จึงต้องพัฒนาทักษะ Future Skill ให้คนไทยอย่างเร่งด่วน ให้มีทักษะด้านอาชีพที่ตลาดโลกต้องการ เมื่อมีความต้องการสูง ก็จะทำให้ได้รับค่าตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างและพัฒนาทักษะดังกล่าวให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
น.ส.ศิรินันท์ กล่าวต่อว่า แนวทางการสร้าง Future Skill สามารถทำได้ 3 แนวทาง คือ 1. เพิ่ม Future Skill ในหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน ประสานกระทรวงศึกษาธิการเดินหน้าเพิ่มหลักสูตร ชุดความรู้ Future Skill และทักษะต่าง ๆ ซึ่งหลักสูตรพวกนี้ทำให้เยาวชน หรือคนที่เรียนสามารถนํามาต่อยอดหารายได้ในระหว่างที่เรียนไปพร้อมๆ กันได้ 2. Re-Skill ให้กับพนักงานบริษัท รวมถึงนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่และยังไม่มีงานทำ ได้เพิ่มทักษะใหม่ๆ และความเชี่ยวชาญให้กับตัวเองตามที่ตลาดโลกต้องการ โดยใช้หลักการประสานมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมถึง ภาค เอกชนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาร่วมพัฒนาหลักสูตรกับทางรัฐบาล เพื่อให้ได้หลักสูตรการ Re-Skill ที่เหมาะสมและทำได้จริง และ 3) ตั้ง “สถาบันส่งเสริมทักษะแห่งโลกอนาคต” รัฐบาลสามารถตั้งสถาบันแห่งการฝึกทักษะแห่งโลกอนาคต ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการจัดทําหลักสูตร เพื่อให้เยาวชน และประชาชน สามารถเข้าเรียนได้ โดยทางสถาบันยังเป็นตัวกลางในการประสานกับผู้ประกอบการ เพื่อรับรองว่าหลังจากจบหลักสูตรจะมีงานรองรับทันที รวมทั้งยังสามารถส่งออกแรงงานในทักษะที่ตลาดงานต้องการอีกด้วย ก็จะช่วยขับเคลื่อนภาคธุรกิจระดับมหภาคต่อไป
“นอกจากนี้ในฐานะนักการเมืองสตรี เราควรเน้นเพิ่มทักษะด้านดิจิทัล (digital literacy) ในกลุ่มสตรีด้วยค่ะ เพราะผู้หญิงมีบทบาทและหน้าที่ที่สำคัญ คือ บทบาทของความเป็น ”แม่” มีความใกล้ชิดกับลูก ถ้าเราส่งเสริมทักษะด้านดิจิทัลในกลุ่มผู้หญิงให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง คุณแม่ทุกท่านก็สามารถใช้ทักษะนี้สร้างอาชีพในขณะที่ต้องหยุดทำงานเพื่อเลี้ยงลูก และขณะเดียวกันก็สามารถสอนทักษะเหล่านี้ให้กับลูกๆ ในช่วงเวลาที่อยู่ที่บ้านได้ด้วยค่ะ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับความเท่าเทียมของเยาวชนหญิงและชาย ซึ่งนักเรียนทุกคนสามารถเข้าถึงทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงแล้ว แต่ยังขาดความรู้ด้านดิจิทัลสำหรับการต่อยอดสู่โลกอนาคตค” น.ส.ศิรินันท์กล่าว
สำหรับงาน “CODING ERA Next Wave of Thailand’s Education หรือ ยุคโค้ดดิ้ง คลื่นลูกใหม่แห่งการศึกษาไทย”เป็นงานมหกรรมการเรียนรู้ด้าน Coding และโซลูชั่นครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย เพื่อการเรียนรู้แบบ Coding Edutainment จากแพลตฟอร์มเว็บเบสโค้ดดิ้งเกม “CodeCombat” ส่งเสริมเยาวชนตระหนักถึงความสำคัญ ของการเรียนรู้ Coding พร้อมผลักดันและกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาทักษะ Coding สร้างบุคลากรตรงตาม ความต้องการตลาดแรงงานแห่งอนาคต จัดโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม แห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับพันธมิตร บริษัท โค้ด คอมแบท (เอสอีเอ) จำกัด และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, กรุงเทพมหานคร, บริษัท เทอมาเทค เทคโนโลยี ไทยแลนด์, มิวซ์ อินโนเวชั่นจำกัด และเครือข่ายนักวิจัยทั่วประเทศไทย