“ประยุทธ์” พบปะหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาในเขตพื้นที่ จ.นราธิวาส และประชาชนนราธิวาส ย้ำ รัฐบาลห่วงใยชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนา
วันนี้ (15 มี.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 16.19 น. ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาในเขตพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และประชาชนจังหวัดนราธิวาส กว่า 5,000 คน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมบูธจำหน่ายสินค้าโอทอป ชื่มชมกลุ่มร้านค้าต่างๆ ที่ได้รวมกลุ่มผลิตสินค้าอย่างเข้มแข็ง สร้างรายได้ให้กับสมาชิกและคนในครอบครัว พร้อมกับฝากให้ส่วนราชการในพื้นที่คอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำการผลิต รวมถึงจัดหาตลาดรองรับสินค้าให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง มีรายได้เพียงพอ สามารถเลี้ยงตัวเองไดั
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวพบปะประชาชนตอนหนึ่งว่า รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้กลับมาพบปะพี่น้องประชาชนชาวนราธิวาส ที่เหมือนเป็นครอบครัวที่ตนรักและคิดถึงเสมอมา นราธิวาสเป็นจังหวัดสำคัญ เพราะเป็นจังหวัดบ้านเกิดของภรรยาตนเอง ขอให้ชาวนราธิวาสทุกคนภาคภูมิใจที่ได้อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความโดดเด่นทางวัฒนธรรม รวมถึงมีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าอาศัยอยู่พื้นที่ไหน ต้องให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมาตนเองได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนในหลายจังหวัด ได้เห็นรอยยิ้มของประชาชนรู้สึกมีความสุข มีกำลังใจที่จะทำงานเพื่อทุกคนต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลมีความห่วงใยชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นเดียวกับพี่น้องในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินหน้าแก้ไขปัญหาและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ในด้านความมั่นคง ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงาน ในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และการรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่ เพื่อหวังจะให้พี่น้องประชาชนดำเนินชีวิตได้ตามปกติสุข จังหวัดนราธิวาสมีความเป็นพหุวัฒนธรรมสูง มีการอยู่ร่วมกันของพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ ชาวไทยมุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ดังนั้น จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม ให้อยู่ร่วมกันบนความแตกต่างหลากหลาย สิ่งสำคัญคือ การสร้างความเข้าใจกันและยอมรับให้เกียรติในความแตกต่างซึ่งกันและกัน ขอให้ภาคภูมิใจในความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่ทุกศาสนาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข และขอให้สืบสานความรัก ความสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกันของคนในชุมชน ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง คนในชุมชนก้าวเดินไปพร้อมกัน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ประชาชนเป็นฐานรากสำคัญของประเทศ รายได้ส่วนใหญ่ภายในประเทศมาจากการบริโภคของประชาชนระดับฐานรากทุกคน รัฐบาลมุ่งดูแลประชาชนทุกคนในประเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งการที่จะดูแลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ รัฐบาลต้องมีงบประมาณ ซึ่งการหารายได้เข้าประเทศ ต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องร่วมมือกัน ต้องรัก สามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากต่างประเทศให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และมาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าการลงพื้นที่ทุกครั้งของนายกฯ และคณะ ไม่ได้ต้องการทะเลาะกับใคร แต่ตั้งใจเพื่อมาพบประชาชน มารับฟังปัญหาโดยตรง จากนั้น นายกรัฐมนตรีพบปะประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมถ่ายรูปร่วมกับประชาชนอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร