หน.ก้าวไกล หวังคว้าเก้าอี้ ส.ส.เพิ่ม-รักษาเขตเดิม กทม. เชื่อผลงานที่ผ่านมา ทำให้เห็นว่าแก้ปัญหาคนกรุงได้จริง พร้อมพิสูจน์คำว่า ส.ส.แบบพื้นที่ดี สภาเด่น ทำกันยังไง ไม่ห่วงคนมาชูป้ายไม่สนับสนุน ชี้ เป็นพื้นที่สาธารณะทุกคนมีสิทธิแสดงออก
วันนี้ (12 มี.ค.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนขึ้นเวทีปราศรัยงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) ในพื้นที่ กทม. ทั้ง 33 เขต และนโยบายระดับชาติของพรรคที่ตอบโจทย์คน กทม. ที่ห้างสรรพสินค้าสามย่านมิตรทาวน์
นายพิธา ระบุว่า พื้นที่ กทม. เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคอยู่แล้ว โดยทั้ง 33 เขต ที่ส่งผู้สมัครลงไป ซึ่งเราหวังที่จะพยายามรักษาเขตเดิม และเพิ่มเติมเขตใหม่ ด้วยการทำงานของเราอย่างต่อเนื่อง ทั้งแคนดิเดตที่มีความสดใหม่ และคนที่ทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด และพรรคก้าวไกลจะพิสูจน์ให้เห็นกับคำที่ว่า ส.ส.แบบพื้นที่ดี สภาเด่น มีลักษณะเป็นแบบไหนบ้าง รวมถึง ส.ก. กทม. ของพรรค ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ประสบการณ์ในการทำงานสามารถแก้ไขปัญหาให้กับคน กทม.ได้ดีจริง
เมื่อถามว่า การมีผู้สมัครเดิมที่ลงครั้งที่แล้วเพียง 2 คน จะมีผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่า เป็นประสบการณ์ที่ได้พิสูจน์แล้ว อย่างวันนี้จะได้รับฟังปัญหาจากนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. และ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. ซึ่งเป็นผู้แก้ไขปัญหาในพื้นที่มาโดยตลอด เช่น น้ำท่วม รถติด ขณะเดียวกัน ในสภาก็มีการอภิปรายได้ดี ซึ่ง นายพิธา ย้ำว่า หากอยากได้ ส.ส.แบบพื้นที่ดี สภาเด่น ก็ต้องเลือกพรรคก้าวไกล
ส่วนจุดเด่นในพื้นที่ กทม.ของพรรคนั้น นายพิธา ระบุว่า “คงเป็นแคนดิเดต และนโยบายที่จับต้องได้ดี” นายพิธา กล่าวต่อว่า วันนี้ทุกคนอาจจะทราบดีว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก็เป็นพรรคก้าวไกล และ ส.ก.ของพรรคก้าวไกล ที่เราจะนำเสนอข้อบัญญัติเรื่องรถเมล์ไฟฟ้า ให้เกิดขึ้นภายใน 7 ปี ซึ่งเป็นสาเหตุต้นตอสำคัญของ PM 2.5
เมื่อถามว่า วันนี้มีกลุ่มคนที่ไม่สนับสนุนพรรคก้าวไกล มาชูป้ายไม่เห็นด้วยกับนโยบายก่อนเวทีจะเริ่ม มีความกังวลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะ ทุกคนมีสิทธิมีเสียงในการแสดงออก แต่ส่วนหนึ่งในระบบแบบประชาธิปไตย คือ การพูดคุยกัน วันนี้เป็นเวทีหาเสียงของพรรคก้าวไกลในการมาพูดกับพี่น้องคน กทม. ว่า จะทำให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต และจะแก้ปัญหาให้คน กทม.ได้อย่างไร
“ผมก็เชื่อว่า ในวันหนึ่ง เขาจะมีเวลาและเวที ที่จะพูดในสิ่งที่เขาต้องการได้อย่างมีวุฒิภาวะแน่นอน ผมได้พูดกับลูกพรรคว่าอย่าเสียสมาธิ เราต้องมีเป้าเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนเชื่อได้เป็นที่ตั้ง ที่ผ่านมา จะมีการพูดจาอะไรก็มีการพูดคุยได้แต่ต้องมีวุฒิภาวะ” นายพิธา กล่าว