วันนี้(10 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่ กว่า 100 คน จาก 9 คดี อาทิ คดีคอร์สสัมมนา TSPP คดีโอดีแคปปิตอล คดีหลอกลงทุนยา ผ่านแอปพลิเคชัน คดีแชร์ทองคำ (เพกาซัส)รวมตัวกันเข้าร้องทุกข์ ต่อศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 ผ่านนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
โดย นายสามารถ กล่าวว่า ตนมารับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชน มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท
ซึ่งทางผู้เสียหายเล่าว่า ได้ร่วมลงทุนในบริษัทที่หลอกหลวง จึงทำให้หลงกลมิจฉาชีพที่วางอุบายไว้ เสียทรัพย์สินจนหมดตัว เป็นหนี้สินจำนวนมาก ได้รับความเดือดร้อน จึงมาขอพึ่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยแก้ปัญหาให้อย่างเร่งด่วน
นายสามารถ กล่าวต่อว่า หลายปีที่ผ่านมาปัญหาการฉ้อโกงประชาชาชนยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเท่าที่ควร ทั้งที่ได้ประกาศเป็นเรื่องเร่งด่วน 1 ใน 12 เรื่องที่ต้องเร่งทำภายใน 1 ปี ทั้งนี้ ประชาชนได้รวมตัวกันเพื่อนำเสนอพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ เพื่อที่จะได้มีกฎหมายปกป้องเงินและทรัพย์สินของพ่อแม่พี่น้องประชาชน นายสามารถ กล่าวด้วยว่า 4 ปีที่ผ่านมา ประชาชนคนทั้งประเทศต้องเผชิญปัญหาการหลอกลวง ฉ้อโกง ทั้งชวนลงทุนในรูแบบต่างๆ Callcenter ถือว่าเป็นภัยที่ร้ายแรงจนทำให้ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย เพราะพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ถูกฉ้อโกงไปนั้น กว่าจะได้เงินคืนใช้เวลายาวนาน ส่งผลกระทบโดยตรงกับเม็ดเงิน ของประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หลายคนเสียครอบครัว เรียกกันว่าบ้านแตกสาแหรกขาด เด็กหลายคนต้องประสบปัญหาทางสภาพจิตใจ ผู้สูงอายุถูกลูกหลานทิ้งไม่มาหา หากรัฐบาลไม่ทำอะไรปัญหาคงเลวร้ายมากกว่านี้
นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายในคดี ถูกหลอกให้ขายฝากที่ดิน ในราคา 150,000 บาท แต่หลอกให้เป็นหนี้สิน 500,000 บาท แต่ความเป็นชาวบ้าน ไม่มีความรู้ ไม่ได้อ่านเอกสารสัญญา อย่างละเอียดจึงตกเป็นคนไร้บ้าน เจ้าหนี้บอกถ้าอยากได้คืน ต้องจ่ายเงิน 2 ล้าน
นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านถูกไล่ที่ ในเขตบางกอกน้อย ซึ่งอาศัยอยู่มา 100 ปี ไร้ ที่อยู่อาศัย ทั้งนี้คดีแชร์ทองคำ (เพกาซัส) ร้องต่อ DSI จนกระทั้งศาลมีหมายส่งไปที่บ้าน ให้มาศาล แต่ปรากฎว่ามีบุคคลอ้างว่าเป็นอัยการโทรไปหาผู้เสียหาย ว่าไม่ต้องเดินทางมาศาล สั่งให้กลับบ้าน ยังไงก็ฟ้องให้อยู่แล้ว สุดท้ายคดีนี้ยก หรือไม่อย่างไร เพราะได้ยินจากผู้เสียหายบอกมา ทั้งที่คนที่จับคดีนี้เป็นอธิบดี DSI ปัจจุบัน ทั้งนี้ ไม่คิดว่าคดีล้ม โดยผู้เสียหายจะเดินทางไปร้องทุกข์วันเสาร์ที่ 11 กับท่านนายกรัฐมนตรีที่สงขลา เพราะตนเป็นคนสงขลา
"หลังการเลือกตั้ง หากตนมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรี การแก้ปัญหาการฉ้อโกงประชาชนจะเป็นสิ่งแรกที่จะผลักดันอีกครั้ง เพื่อทวงคืนชื่อเสียง ทรัพย์สิน กลับมาให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศในทันที ไม่ต้องมาถูกลอยคออยู่แบบนี้"
นายสามารถ ยังกล่าวอีกว่า สมัยคสช. ตนได้นำรายชื่อ 3แสนกว่ารายชื่อ เสนอไปแล้วครั้งหนึ่ง และสุดท้าย นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 253/60 ให้เร่งแก้ไขปัญหานี้ แต่คนทำขาดความรู้จึงแก้ปัญหานี้ไม่ได้ จึงขอเป็นกำลังใจให้ผู้เสียหายทุกคน ถึงวันเลือกตั้ง ช่วยสนับสนุนเลือกผมให้เป็นรัฐมนตรี ถ้าแก้ไม่ได้ภายใน 1 ปี จะขอลาออก ไม่อยู่ให้เสียความรู้สึก เปลืองภาษีพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน โดยผู้เสียหาย 8 ล้านคน จะต้องไม่ถูกปล่อยให้ลอยคออยู่แบบนี้ ต้องยึดทรัพย์กลับมาคืนทันที ไม่ใช่ปล่อยให้รอเป็น 5 ปี 10ปี 20ปี แบบนี้
"สู้ไปด้วยกันนะครับ วันนั้นมาถึง เราจะได้แสดงพลังกัน
งที่ใดมีการรวมตัวกันที่นั้นจะมีพลัง ที่ใดมีพลัง ที่นั้นจะมีกฏหมาย ที่ใดมีกฏหมายที่นั้น จะมีความยุติธรรม ผมพร้อมจะเดินเคียงข้างกับพวกเราทุกคน พวกเราจะได้มีกฏหมายดีๆ คุ้มครองพ่อแม่พี่น้องประชาชน ลูกหลานไทยจะได้ไม่ต้องลำบาก แบบที่พวกเราลำบากกันอยู่แบบนี้"นายสามารถ กล่าว