xs
xsm
sm
md
lg

การเคหะฯ ผนึก 14 หน่วยงาน ขับเคลื่อน “ศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การเคหะแห่งชาติ ผนึกกำลัง 14 เครือข่ายขับเคลื่อน “ศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ” เพื่อยกระดับการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชน พร้อมเชื่อมโยงพัฒนาศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยสู่ระดับนานาชาติ 192 ประเทศในอนาคต

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา การเคหะแห่งชาติได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการการส่งเสริมการขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติและการพัฒนาที่อยู่อาศัย ภายใต้กิจกรรมวิชาการด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี การเคหะแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนและเชื่อมโยงข้อมูลของศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยลงนามความร่วมมือกับ 14 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมที่ดิน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กรมธนารักษ์ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า สำนักงานสถิติแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย การประปานครหลวง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันส่งเสริม สนับสนุน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการและงานวิจัยด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การวิจัย การฝึกอบรม การสัมมนา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนอย่างยั่งยืน รวมทั้งยกระดับประสิทธิภาพของการจัดสวัสดิการสังคมและการช่วยเหลือของภาครัฐ ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านที่อยู่อาศัย อาทิ เรื่องค่าเช่า มูลค่าที่ดิน ฯลฯ ทำให้สามารถเลือกที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับตนเองได้มากขึ้น นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติจะนำข้อมูลในแต่ละหมวดหมู่มาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับอุปสงค์และอุปทานด้านที่อยู่อาศัยของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกวัย โดยเฉพาะการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและครัวเรือนเปราะบางในราคาที่พวกเขาสามารถจับต้องได้มากขึ้น

“ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้การเคหะแห่งชาติสามารถเชื่อมโยงกับพี่น้องประชาชนได้มากขึ้น สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาด้านที่อยู่อาศัยให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายระยะยาวคือ
การลดความเหลื่อมล้ำให้กับพี่น้องประชาชนในด้านที่อยู่อาศัย” นายทวีพงษ์ กล่าวในที่สุด

นายวิชานัน นิวาดจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวถึงความร่วมมือทางวิชาการการส่งเสริมการขับเคลื่อนศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติว่า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าจะสนับสนุนข้อมูลให้กับการเคหะแห่งชาติ 3 ด้าน ได้แก่ 1. ข้อมูลด้านราคา ตั้งแต่ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาการก่อสร้าง เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปจัดทำราคากลางและเป็นข้อมูลเสริมให้การเคหะแห่งชาตินำไปรวบรวมให้ข้อมูลสมบูรณ์มากขึ้น 2. ราคาบ้าน โดยเฉพาะราคาบ้านเช่าในทำเลต่าง ๆ 3. การสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในเรื่องต่าง ๆ ในทุกเดือน ซึ่งการเคหะแห่งชาติสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดได้

“ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ สนค. MOU กับการเคหะแห่งชาติ จากครั้งแรกเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว โดย สนค. จะทำการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในเรื่องต่าง ๆ ทุกเดือน ซึ่งพันธมิตรของเราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หนึ่งในนั้นคือการเคหะแห่งชาติที่จะนำข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการที่อยู่อาศัย สภาพที่อยู่อาศัย หรือประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปวิเคราะห์ว่าจะนำไปสู่ภารกิจและวัตถุประสงค์ของแต่ละเรื่องได้อย่างไร โดยข้อมูลเหล่านี้ สนค. ได้เชื่อมโยงกับการเคหะแห่งชาติแล้วตั้งแต่ MOU ฉบับแรก ส่วนรูปแบบการเชื่อมโยงอาจจะมีหลากหลาย และรวดเร็วมากขึ้นในอนาคต” นายวิชานัน กล่าว

ปัจจุบันเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ (https://nhic.nha.co.th) มีการเชื่อมโยงชุดข้อมูลภายในประเทศจาก 145 หน่วยงาน ประมาณ 2,900 ชุดข้อมูล แบ่งออกเป็น 3 มิติ ได้แก่ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสิ้น 13 หมวดหมู่ และระบบบัญชีข้อมูลของศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยแห่งชาติ (CKAN) โดยแผนดำเนินงานในปี 2566 - 2567 การเคหะแห่งชาติมุ่งให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อตอบโจทย์ 3 มิติในการกำหนดนโยบายที่อยู่อาศัย โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดทำระบบวิเคราะห์ที่คาดการณ์/พยากรณ์สถานการณ์ที่อยู่อาศัยของประเทศ เช่น อุปสงค์และอุปทานด้านที่อยู่อาศัย กำลังซื้อของประชาชน เป็นต้น ส่วนในอนาคตยังมีแผนยกระดับการเชื่อมโยงพัฒนาศูนย์ข้อมูลที่อยู่อาศัยกับนานาชาติ และจัดทำฐานข้อมูลที่อยู่อาศัยของประเทศให้ได้มาตรฐานเพื่อรองรับการเชื่อมโยงสู่ระดับนานาชาติ 192 ประเทศในอนาคต






กำลังโหลดความคิดเห็น