วันนี้ (7 มี.ค.) เมื่อเวลา 08.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการแก้ปัญหาไฟป่า ว่า ทส.ได้ประกาศปิดอุทยานแห่งชาติในภาคเหนือไป 6-7 แห่ง และได้โยกกำลังเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ระดมไปดูแลไฟป่าที่เกิดขึ้น ส่วนที่วิจารณ์เรื่องงบประมาณการดับไฟป่านั้น ขอทำความเข้าใจว่า เป็นงบของกรมอุทยานฯ ที่ใช้ดับไฟป่าในเขตพื้นที่อนุรักษ์ ระดมอุปกรณ์เฮลิคอปเตอร์ เจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมรักษาดับไฟป่าไม่ให้ลุกลาม พยายามไม่ให้เผาไหม้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทส.ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าฯและส่วนราชการต่างๆ ขอให้เข้มงวด เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้การเผาไหม้ขยายวงมากขึ้น
นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วนกรณี นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้นั้น ต้องขอขอบคุณที่ตั้งข้อสังเกตมา แต่อยากให้เข้าไปดูเนื้องานด้วย ไม่ใช่เอาแต่พูดอย่างเดียวเพื่อให้ได้เนื้อข่าวในช่วงเลือกตั้ง ที่ผ่านมา ทส.ได้ประสานกับทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และขอย้ำว่า เราไม่เคยโทษเกษตรกร หรือกลุ่มชาติพันธุ์ ตามที่นายนิติพลเข้าใจผิด รวมถึงไม่เคยบอกว่าเป็นความผิดของบริษัทห้างร้านใหญ่ๆ เพราะเวลาเกิดปัญหาขึ้น มันเป็นความผิดของทุกคน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ดังนั้น ต้องแก้ไขร่วมกัน เพราะเมื่อเกิดปัญหา PM 2.5 มันไม่ได้เลือกว่าจะมาที่เกษตรกร ชาติพันธุ์ นายทุนใหญ่
“ประเด็นที่ นายนิติพล พูด อยากให้มีกำแพงภาษีนำเข้าผลผลิตเกษตรนั้น ผมคิดว่า แนวนโยบายที่ถูกต้อง และมีวิสัยทัศน์ควรแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาวด้วย การที่อยู่ๆ จะไปเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าเกษตร เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะเกิดปัญหามากกว่า สิ่งที่นายนิติพล พูดถึงขณะนี้เกิดขึ้นในกลุ่มสหภาพยุโรป แต่กำแพงภาษีนั้นยังไม่เกิดขึ้นกับสินค้าเกษตร ดังนั้น เกษตรกรจะต้องปรับตัว นี่คือสาเหตุว่าทำไม ทส.จะต้องเดินหน้าทำงานเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะทำให้ประชาชนไม่ต้องเผาผลิตที่เหลือจากการเกษตร ต้องขอบคุณนายนิติพลที่เสนอข้อสังเกตมา ตนไม่ได้ทำตัวเป็นฝุ่น และขอฝากว่าสิ่งที่นายนิติพลพูดมานั้น ขออย่าให้เป็นนโยบายฝุ่นก็แล้วกันคือ มองเห็นแต่จับต้องไม่ได้” นายวราวุธ กล่าว