xs
xsm
sm
md
lg

อย่าทำตัวเป็นละอองฝุ่น “นิติพล” ถาม “วราวุธ” เคยเสนอแนวทางแก้ PM 2.5 ต่อ ครม.หรือไม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (6 มี.ค.) นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในขณะนี้และนับสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญวิกฤตมลพิษทางอากาศ PM 2.5 มาตลอด คำถามก็คือ ทั้งที่รู้ดีว่าปัญหาเหล่านี้ ต้นเหตุสำคัญมาจากการเผาเพื่อทำการเกษตร โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และอ้อย ซึ่งมีอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่อยู่ข้างหลัง แต่ภายใต้ความร่ำรวยนี้ รัฐบาลไทยกลับยิ่งเอื้อต่อความไร้ความรับผิดชอบของบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย ที่ใช้วิธีการทำเกษตรแบบพันธสัญญาในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วก็คอยออกมาตรการลดภาษีขาเข้าต่ำๆ ให้เรื่อยมา บางครั้งเหลือ 0% ไม่เก็บเงินเลยก็มี โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์ไม่เพียงพอ

“แค่เปิดแผนที่ผ่านดาวเทียมก็จะเห็นจุดความร้อนว่ามันแดงทั้งแผ่นดินแค่ไหน และจุดความร้อนอยู่รอบด้านเต็มไปหมด รัฐบาลอาจบอกว่าเพื่อลดต้นทุนทำให้เนื้อสัตว์ไม่แพง แต่สิ่งที่เสียไปเลย คือ สุขภาพที่มีทั้งมะเร็งและรายจ่ายไว้ให้กับประชาชน ยังไม่นับความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวที่หน้าหนาวควรจะเป็นไฮซีซั่น แต่ถ้าต้องมาดมฝุ่นใครเขาจะอยากมา”

นายนิติพล กล่าวต่อไปว่า ทุกวันนี้ประชาชนเหมือนได้สูบบุหรี่ฟรีจากนโบายลดภาษีเอื้อเอกชน ค่าฝุ่นสีส้มคือทั่วไป เท่ากับได้สูบบุหรี่ 2 มวน/วัน, ฝุ่นแดง มาเกือบทุกวันรับไป 4 มวน/วัน, บางพื้นที่แจ็กพอตเจอฝุ่นม่วง มี PM 2.5 ประมาณ 200 มคก./ลบ.ม. ซื๊ดเลย 8 มวน/วัน แต่หนักกว่านี้อีกก็มีฝุ่นแดงเลือดหมู เท่ากับมากกว่า 10 มวน/วัน

นายนิติพล ยังกล่าวต่อว่า นี่คือ ปัญหาที่รัฐบาลชุดนี้ต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ที่ตนเห็นว่าควรต้องมีบทบาทที่สุดและเป็นเจ้าภาพ หรือศูนย์กลางการแก้ปัญหา คือ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะถ้ากระทรวงที่มีหน้าที่พิทักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม แต่มองเห็นมลพิษทางอากาศมากขนาดนี้ทุกๆ ปี เป็นเรื่องที่ปล่อยวางเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรได้ ก็ไม่รู้เราจะมีรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมไปเพื่ออะไร

“รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมไม่ควรทำตัวเป็นเหมือนละอองฝุ่น ลอยไปมาไร้ความหมายใน ครม. หรือเสนอแค่แนวทางแก้ปัญหาแบบขอไปที เพื่อกันคนด่า เช่น ขอความร่วมมือเลิกเผา บอกว่า อย่าซ้ำเติมคนที่รักด้วย PM 2.5 แต่เมื่อฝุ่นมันข้ามพรมแดนมา แล้วท่านหวังแก้ปัญหาด้วยการพูดแค่นี้ ทั้งที่ย่อมรู้ดีแก่ใจว่าแก้ปัญหาไม่ได้ แต่ก็ยังพูดไปเพื่อหลอกตัวเองและสังคมว่ารัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมก็ติดตามใส่ใจปัญหานี้อยู่ ทั้งที่จริงคือท่านแค่รอให้ลมฟ้าลมฝนมา แล้วก็รอดตัวไปอีกปีเท่านั้น ซึ่งนี่คือวิสัยทัศน์จริงๆ ของรัฐบาลชุดนี้ในการแก้ปัญหา PM 2.5

ปัญหาหมอกควันพิษรุนแรงแบบนี้ทุกปี อย่าอ้างว่า เกิดในเพื่อนบ้านแล้วทำอะไรไม่ได้ บทบาทของท่าน คือ ต้องผลักดันมาตรการให้บริษัทยักษ์ใหญ่ต้องมีความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น ภาษีนำเข้าเป็น 0 ต้องคัดค้าน แล้วในมุมกลับกันต้องเป็นท่านที่ควรเสนอให้เรียกเก็บสูงสุด เพื่อการันตีความรับผิดชอบและคุมราคาสินค้าไม่ให้ผลักภาระมาให้ผู้บริโภค สิ่งเหล่านี้เราทำได้โดยไม่เกี่ยวกับเพื่อนบ้าน เพื่อส่งสัญญาณว่าการทำธุรกิจแบบนี้รัฐบาลไม่ยอมรับ อย่าโยนบาปให้เกษตรกรฝ่ายเดียว เช่นเดียวกับพื้นที่ป่าที่เสียหายเป็นภูเขาหัวโล้นนับสิบล้านไร่ ภาคธุรกิจไม่ควรต้องรับผิดชอบแค่ออกงาน CSR สร้างภาพแล้วลอยตัว แต่ต้องคำนวณมาให้ชัดว่าต้องจ่ายเงินชดเชยความเสียหายของป่าเท่าไหร่ ถึงตอนนี้ซักบาทชดเชยพื้นที่เสียหายก็ไม่มี มีแต่การตราหน้าเกษตรกรและชาติพันธุ์ฝ่ายเดียวซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เรื่องนี้ใครได้ประโยชน์สูงสุดก็ต้องรับผิดชอบสูงสุดด้วย"

นายนิติพล กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่อยากถาม คือ 4 ปีมานี้ นายวราวุธ เคยเสนอมาตรการเรื่องหมอกควันจากการเผาเพื่อทำเกษตรบ้างหรอไม่ เคยเอาแผนที่จุดความร้อนแดงทั้งแผ่นดินไปฟาดหน้า ครม.บ้างหรือไม่ ว่า ถ้าปล่อยไปแบบนี้ประชาชนจะทยอยตายเท่าไหร่ สิ่งแวดล้อมเสียหายแค่ไหน หรือเขาจะทำอะไรก็ยอมไปหมด เพื่อหวังจะรักษาเก้าอี้ไว้อย่างเดียว แบบนี้หมายความว่าถ้ากลับมาเป็นรัฐมนตรีอีก ปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดนก็จะยังคงอยู่ภายใต้ความเพิกเฉยของท่านไปตลอดกาลนานใช่หรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ขอให้ช่วยตอบให้ชัดตอนนี้เลยว่า ปัญหาที่มีอยู่ นอกจากแค่ขอให้หยุดเผา ท่านจะมีมาตรการแก้ไขอย่างไรบ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น