“คำรณวิทย์” นายก อบจ.ปทุมธานี โต้กระแสข่าว หลังปรากฏภาพร่วมงานเลี้ยง ยันถูกเชิญเป็นประธานงาน ต้องพบนักการเมืองต่างพรรคเป็นเรื่องปกติ วอนอย่าโยงเป็นเรื่องอื่น ความสัมพันธ์ยังรักพี่ทักษิณเหมือนเดิม
วันนี้ (5 มี.ค.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจากการเมืองตอนนี้เริ่มรุนแรง และจะร้อนแรงเพิ่มขึ้นอีก พอยุบสภา ก็มีเลือกตั้ง มีการแบ่งเขตและการต่อสู้กัน แต่ผลกระทบก็คือ คนที่ออกไปต่อสู้ในแต่ละพรรคกลายเป็นคนใกล้ชิดตนหมดเลย ซึ่งจะเห็นว่า ท่านอดีตรองนายกผม ก็ไปสมัครพรรคหนึ่ง ท่านอดีตที่ปรึกษาก็ไปสมัครอีกพรรคหนึ่ง แล้วน้องรักผมอย่างจ่ายุทธก็ไปสมัครพรรคหนึ่ง และ ส.จ.ในทีมผม 3 คน คนหนึ่งไปสมัครพรรคเพื่อไทย คนหนึ่งไปสมัครภูมิใจไทย ส่วนอีกคนไปสมัครพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทุกคนใกล้ชิดผมหมดเลย ก็คิดในแง่ดีว่าการแข่งขันก็ต้องว่าไปตามกติกา เราตั้งทีมคนรักปทุมขึ้นมา แสดงให้เห็นว่า ทุกคนที่เคยอยู่ในทีมคนรักปทุมตั่งแต่ ส.จ. ที่ปรึกษา หรือท่านรองนายก ทุกคนต่างก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ทำให้พรรคการเมืองจึงพยายามทาบทามพวกเขาไปลง เพราะคิดว่าศักยภาพเขาเพียงพอ เราก็ดีใจว่าเราเลือกคนไม่ผิดนะที่มาร่วมทำงานเพื่อพัฒนาปทุมธานีให้เจริญ นี่คือ เป้าหมายผม
แต่เมื่อออกไปแล้วแข่งขันกัน การให้สัมภาษณ์การพูดอะไรการแข่งขันมันสูง ผมก็ไม่คิดว่าจะออกมาในรู้แบบนี้ กระแสข่าวว่ามันสะบั้นกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเลย คนอย่างผมจะไปสะบั้นจะไม่รักพี่ษิณ เป็นไปไม่ได้ การผูกพันกับพี่ษิณมีมาตั่งแต่ที่เรียนจนจบจากสามพรานมาด้วยกัน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน และก็ผูกพันกันมานาน แล้วเรื่องการเลือกพรรคต่างๆ พวกนี้มันเรื่องเล็ก ผู้สมัครคนนั้นคนนี่มาลงพรรคไหน ก็เป็นสิทธิของพรรคเขา เมื่อพรรคไม่เลือก เขาก็มีสิทธิที่จะไปพรรคอื่น ก็เป็นธรรมดาไม่ใช่เฉพาะในจังหวัดปทุมธานี แต่ในกลุ่มนี้กลายเป็นคนใกล้ชิดผมทั้งหมด
พอจะเริ่มไปแข่งขัน ผมก็รู้ว่า มีคนไปฟ้องว่าผมไปขึ้นเวทีพรรคภูมิใจไทย ผมก็รู้ว่ามาจากใคร ที่ไปฟ้องท่านทักษิณ ว่า ผมขึ้นเวทีภูมิใจไทย แต่เขาพูดไม่หมดไง เขาควรพูดให้หมด ถ้าคุณลูกผู้ชายจริง คุณจะไปฟ้องว่าผมขึ้นเวทีพรรคภูมิใจไทย คุณพูดให้หมดสิว่าเป็นงานอะไร คุณเป็น ส.ส.แล้วคุณทำไมพูดไม่หมด เมื่อคุณมีคู่แข่งขึ้นมา คุณเริ่มหวั่นไหว แล้วคุณก็มาใส่ความกันแบบนี้มันไม่ใช่ เหตุในวันนั้นเป็นงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของ ส.จ.สมร แต่งอ่อน ซึ่งใน อ.ลาดหลุมแก้ว มี ส.จ.อยู่ 2 คน ส.จ.ชัยวัฒน์ อินทร์เลิศ ตอนนี้เป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และ ส.จ.สมร แต่งอ่อน หรือ ส.จ.หริ่ง ก็เป็นส.จ.วันนั้นเป็นวันคล้ายวันเกิด ส.จ.สมร เขาได้จัดเวที ผมเป็นนายก อบจ. พูดง่ายๆ ก็เป็นหัวหน้าทีมเขา และเขาได้ให้ผมเป็นประธานในพิธี แต่ตัวคุณไม่ไป คนอื่นเขาไปกันเยอะแยะ คุณก็ไปโจมตีไปใส่ว่าผมขึ้นเวทีพรรคภูมิใจไทย ส.จ.สมร ไม่ใช่ภูมิใจไทย ผมเป็นนายกผมก็อิสระ แต่วันนี้ที่ผมขึ้นเวทีคนเยอะ แล้วในงานวันนั้นผมจะไม่ขึ้น ก็ไม่ได้คนหลายพันคนมาร่วมงาน ผมได้ขึ้นไปอวยพรไม่เห็นจะเสียหาย แต่คุณก็ไปสร้างประเด็นขึ้นมา ผมก็พูดในภาพรวม แล้วการแข่งขันก็แข่งขันกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เมื่อทุกคนเป็นคนใกล้ชิดผม อยากจะพูดว่าอย่าร้องเรียนกันได้มั้ย ในเมื่อทุกคนเคยทำงานร่วมกันมาอย่าร้องเรียนกันได้มั้ย เมื่อคุณสู้แล้ว ก็สู้กันไปเลย แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ หลังจากนี้ อย่าไปร้องเรียนกันให้เสียเวลา เมื่อมีข่าวออกไปกลัวว่าตัวเองสู้ไม่ได้ แล้วจะไปโวยวายทำไม นี่เป็นความรู้สึกผมนะ ขณะนี้อยู่ระหว่างให้ทีมทนายฟ้องที่เขียนข่าวให้ผมเสียหาย
เป้าหมายของผม ผมต้องการให้ปทุมธานีเจริญ ขณะเดียวกัน เพราะโครงการเหล่านี้เกินความสามารถของ อบจ. ซึ่งเรามีงบ 1,000 กว่าล้าน แต่การแก้ไขปัญหาถนนหนทาง โรคระบาด เราก็ใช้งบเหล่านี้ เมื่อเราไปทำโครงการใหญ่ก็ไม่มีทาง เพราะต้องใช้เงินเป็น 10,000 ล้าน เราจึงต้องพยายามให้ผ่านทุกขั้นตอนโดยเฉพาะ ครม. ผมต้องการให้รถไฟฟ้าโมโนเรลเกิดจากสายสีแดงไปจนถึงสถานีสวนสัตว์คลองหก เพื่อรองรับสวนสัตว์ที่จะเปิดในปี 2570 จะเป็นสวนสัตว์แห่งประเทศไทยอยู่ที่ปทุมธานี การจราจรต้องพร้อม รถไฟฟ้าโมโนเรลต้องเกิด ผมต้องยืนอยู่กับประชาชนเป็นหลัก
ดังนั้น โครงการใหญ่ที่จะเกิดได้ ตนเองพูดกับน้องๆ ที่ไปพรรคต่างๆ ว่า คนที่อยู่เพื่อไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ถ้าได้เป็น ส.ส.ต้องช่วยผลักดันโครงการต่างๆ หากใครได้ไปอยู่พรรคคุมกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ก็ช่วยผลักดันโครงการให้ผ่านให้ได้ เราได้คุยกับน้องๆ อย่างนี้ เพราะทุกคนมีเจตนามาเพื่อช่วยพัฒนาปทุมธานีอยู่แล้ว ตอนนี้ก็สู้กันไป เมื่อเสร็จแล้วกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ทำจังหวัดปทุมธานีให้เจริญ ไม่ใช่ไปทะเลาะเอาเป็นเอาตายเหมือนที่ผ่านมา ขนาด ส.ส.พรรคเดียวกัน ยังไม่ถูกกันแบบนี้ก็ไม่ใช่
ส่วนใครที่มาในจังหวัดปทุมธานี ผมไปรับทุกคน อย่างท่าน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาในพื้นที่ปทุมธานีผมก็ไปรับ เขามาตรวจน้ำท่วม ท่าน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาผมก็ไปรับ ท่านรัฐมนตรีชัยวุฒิ มาผมก็ไปรับ ท่านอุ๋งอิ๋งมาเดินหาเสียง ผมก็เอาช่อดอกไม้ไปให้ ท่านเสรี มาหาเสียง ผมก็เอาช่อดอกไม้ไปให้ เป็นหน้าที่เราผมถือว่าใครก็ตามที่เป็นรัฐบาล ผมก็ต้องประสาน แต่ไม่มีการรับปากรับคำว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี่ มีการพูดกันเองว่าถ้าได้มากผมต้องเป็นรัฐมนตรีไม่ใช่เลย จำไว้เลยว่าถ้าเห็นผมเป็นรัฐมนตรีนะ พี่น้องเสื้อแดงมาประจานผมได้เลย ชีวิตนี้ผมไม่เอาแล้วผมจะอยู่ของผมแค่นี้ ถ้าปทุมไม่เจริญผมไม่ไปเด็ดขาด ปทุมธานีป่วยหนักมานานแล้ว ถ้าเราแก้ปัญหาโดยการมีรถไฟฟ้าโมโนเรลเข้ามาได้ การยกระดับคันกั้นน้ำริมฝั่งเจ้าพระยา ให้ยกขึ้นตลอดแนวให้น้ำผ่านปทุมธานีโดยที่ไม่ล้น 2 ฝั่ง เรามีคันกั้นน้ำถาวร พี่น้องชาวปทุมธานีก็จะไม่ต้องมาหวาดระแวงว่าจะต้องขนของหรือไม่น้ำจะท่วมหรือเปล่า แล้วที่ผมพูดเสมอ คือ ปทุมธานีต้องมีสนามกีฬา อบจ.
ผมไม่เคยที่จะลบหลู่พี่ษิณแม้แต่นิดเดียว ผมยังเคารพรักพี่เขาเหมือนเดิม อย่างคำพูดนักเรียนนายร้อยตำรวจเรา ยศถาบรรดาศักดิ์มันตามกันทัน แต่รุ่นพี่รุ่นน้องมันตามกันไม่ทัน รุ่นน้องคือรุ่นน้องรุ่นพี่คือรุ่นพี่ คนที่ไม่รู้จริงแล้วคุณไปเขียนข่าว คุณเป็นนักข่าวเป็นสื่อมวลชนเป็นกระจกเงาสะท้อนความจริง เมื่อคุณไม่สะท้อนความจริงแต่สะท้อนมโนความคิดของคุณ ผมว่าแบบนี้ใช้ไม่ได้นักข่าว ผมจึงให้รวบรวมเอกสารทั้งหมดที่ว่า สะบั้นกับทักษิณ หากเข้าข่ายผมฟ้องแน่นอน