นายกฯ อวดรัฐบาลนี้ทำอะไรก็เป็นที่ 1 ทุกเรื่อง ลั่นพูดได้มาในนามนายกฯของคนไทยทั้งประเทศ ชี้ คนทรยศบ้านเมืองเพราะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย บอกเจ็บมือ แต่ไม่เจ็บใจ สู้ไม่ยอมแพ้-หัวเราะลั่น แย้ม มีแนวทางแก้หนี้ ให้รอดู ปัดมาหาเสียง!!!
วันนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวพบปะประชาชนตอนหนึ่ง ว่า ยอมรับว่า เห็นใจชาวพระนครศรีอยุธยาที่ต้องเดือดร้อน เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำ แต่รัฐบาลก็ยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ แม้ว่าจะใช้งบประมาณมหาศาล แต่ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาโดยตลอดไม่ใช่แค่ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเท่านั้น ยังจะต้องดูแลอีก 76 จังหวัด สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ในการเป็นพื้นที่รับน้ำ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็รู้ว่าประชาชนเดือดร้อนแต่ก็ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาที่จังหวัดอยุธยาหลายครั้ง ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น วันนี้ไปมาหลายวัดตนอธิษฐาน ขอให้บ้านเมืองชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน มีความสุขมีรายได้มากขึ้น และขอให้ตนสามารถทำงานได้สำเร็จ สุขภาพแข็งแรงครอบครัวปลอดภัย
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในช่วงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก โรงงานขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบ ซึ่งในขณะนั้น ตนดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ก็ได้มาช่วยเหลือ จึงทำให้เกิดความเชื่อมั่น
และไม่ย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น อีกทั้งยังได้รับคำชมจากต่างประเทศ เรื่อง การจัดการสถานการณ์โควิด และการจัดทำโครงสร้างพื้นฐาน ที่เราเป็นลำดับสองของอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า วันนี้ ไม่ได้หาเสียง แต่มาในนามนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ ยืนยันว่า จะใช้งบประมาณ จัดการกับปัญหาต่างๆ ซึ่งก็ขอให้เห็นใจนายกรัฐมนตรีด้วยเพราะว่าดูแลปัญหาในทุกจังหวัด
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้ ตนเหนื่อยและพูดมากมาทั้งวัน จังหวัดอยุธยา เป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์ ได้เจอกับทุกคนก็เหมือนเป็นพี่เป็นน้องเป็นตายายในยุคเดียวกันพร้อมกับ ท่องคำขวัญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยบอกว่า เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ซึ่งจะต้องปรับปรุงพันธุ์ข้าวบ้าง ลดราคาปุ๋ยลดต้นทุน จะมัวไปรอประกันราคาข้าวอย่างเดียวคงไม่ได้ เราต้องทำให้ข้าวของเราเป็นข้าวที่มีคุณภาพ จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจฐานรากของเราอยู่ได้ นอกจากนี้ ในเรื่องของการท่องเที่ยวหลังจากที่ตนได้ลงพื้นที่เมื่อช่วงเช้า ก็พบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากขึ้น แต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน นักท่องเที่ยวต่างชาติเจอนายกฯก็ดีใจ และดีใจที่ได้มาหลบหนาวในประเทศไทย เราต้องให้ความอบอุ่นเขา เจอฝรั่งก็ยิ้มอย่างเดียวไปเลย เจอใครก็ยิ้มไว้อย่าทะเลาะเบาะแว้ง เพราะประเทศไทยเป็นประเทศแห่งรอยยิ้ม ยิ้มสู้ไป เดี๋ยวก็ดีขึ้นใจเราก็ดี ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่แช่งใคร อโหสิกรรมให้กันทุกเรื่อง ไม่ด่ากับใคร ใครให้อะไรมาตนก็อโหสิกรรมไป ไม่สร้างบาปให้กันและกัน
นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า จังหวัดอยุธยา ได้รับการจัดเป็นลำดับที่ 1 ใน 50 เมืองทั่วโลกที่ควรเดินทางมาเยือนหลังสถานการณ์ โควิด-19 และเป็น 1 ใน 8 ของทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำมาทั้งนั้น “ขออย่าไปฟังคนที่ท้า เค้าโกหก”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อย่าไปเครียดถ้าเครียดจะะนึกอะไรไม่ออก ขอให้เห็นใจรัฐบาลนิด เพราะรัฐบาลต้องดูแลลูกกว่า 70 กว่าล้านคน ยอมรับว่า เหนื่อยนะ พอบ่นว่าเหนื่อยก็บอกว่าออกไปสิ ก็พูดได้แค่นี้แหละ เหนื่อยแต่ก็จะทำ ขอกำลังใจให้ตนด้วย เพราะสุดท้ายแล้วตนก็จะทำให้ได้
นายกรัฐมนตรี มีอาการเจ็บที่มือขวา แม้เจ็บมือแต่ไม่เจ็บใจ ปลื้มใจไง สู้ทุกอย่างไม่ว่าจะเจออะไรไม่ยอมแพ้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะความเดือดร้อนของประชาชน จะดูแลประชาชนให้ดีที่สุดในฐานะนายกของประเทศ ยืนยันว่า เวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนัก แต่จะทำให้ดีที่สุด ดังนั้นขอประชาชนเห็นใจตนในจุดนี้ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขออย่าไปฟังใครโม้มากว่าน้ำจะไม่ท่วม ขอให้ประชาชนไปศึกษาว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้วบ้างตลอดระยะเวลาแปดปีที่ผ่านมา พร้อมชี้ไปที่ป้ายของตัวเอง ว่า “เดินมาไกลมากแล้ว หาให้เจอว่า ไอ้คนนี้ทำอะไรไปแล้วบ้าง” ซึ่งหลายอย่างทำไปแล้วหลายอย่างกำลังทำอยู่และต้องทำต่อ
ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามประชาชนว่าใครเป็นหนี้บ้างขอให้ยกมือขึ้น นี่คือ สิ่งที่สำคัญที่จะทำต่อแต่จะลดหนี้ได้อย่างไร พร้อมกับหัวเราะอย่างร่าเริง ขอให้รออีกนิดนึง แต่รับรองว่าทำได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนี้ได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับประชาชนที่ร่วมรับฟัง โดยนายกรัฐมนตรีถามต่อว่า “รอได้หรือไม่” “เราต้องแก้ทำต่อให้สำเร็จ นะจ๊ะ”
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวติดตลกกับประชาชน ว่า ขอให้ไปดูในทีวีบ้าง หากวันไหนที่นายกรัฐมนตรีไม่ค่อยหล่อแปลว่าวันนั้นหงุดหงิด แต่ไม่ได้หงุดหงิดกับประชาชน แต่หงุดหงิดกับคำถาม ปกติเป็นคนใจดี แต่ถ้าถามเมื่อไหร่หงุดหงิดเมื่อนั้น เพราะถามในสิ่งที่ไม่ควรตอบ
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้ได้มา เมืองพระ เมืองโบราณ บรรพบุรุษรักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้กว่าจะได้มา เราปฏิเสธไม่ได้ แต่ท่านคงไม่อยากได้น้ำมากขนาดนี้ เรารักษาแผ่นดินนี้ไว้ได้เพราะเรามีน้ำ เมืองหลวงจึงไม่ถูกเขายึดไป เว้นแต่ตอนมีไอ้คนเลว คนทรยศ คนเลวมีทุกระยะ ไม่ต้องไปกลัว และอย่าไปส่งเสริมคนเลว คนเลวคือคนที่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ได้ดูแลพี่น้องประชาชนอย่างสุจริตใจ อย่างนี้เค้าเรียกว่าเลว นายกฯยังไม่รู้ว่าดีหรือเลว อยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ แต่ยืนยันว่าจะทำให้ สุจริตและบริสุทธิ์ใจมากที่สุด พร้อมย้ำว่าวันนี้ไม่ได้มาหาเสียงนะจ๊ะ อย่าไปดูไอ้คนในทีวีที่หน้างอๆ มันคนละคนกัน
สำหรับบรรยากาศการพบปะประชาชน นายกรัฐมนตรีได้เดินรับดอกไม้จากประชาชนที่มาให้กำลังใจ และถ่ายภาพเซลฟี โดยมีช่วงนึง นายกรัฐมนตรีไม่สามารถรับดอกไม้ได้ เนื่องจากมือขวามีอาการเจ็บและบวม จึงให้ทีมงานรับดอกไม้แทน และเป็นที่น่าสังเกตว่า นายกรัฐมนตรี พยายามเลี่ยงที่จะให้ประชาชนสัมผัสที่มือขวา ที่มีอาการเจ็บและบวม