xs
xsm
sm
md
lg

ครบ 15 วัน ไร้ใบเสร็จเงินทอน 3 หมื่นล้าน “ชูวิทย์” เตรียมรับบทเรียนคนโกหก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจและอดีตนักการเมือง จัดการแถลงข่าวบริเวณทำเนียบรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 21 และ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ตามลำดับ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อมวลชนไปยังประชาชนทั่วไปได้รับรู้ข่าวสารเรื่องการทุจริตเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม โดยมีประเด็นกล่าวอ้างถึงการเรียกรับเงินจากโครงการดังกล่าวจำนวน 30,000 ล้านบาท (สามหมื่นล้านบาท) โดยยืนยันว่ามีหลักฐานการโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีธนาคาร HSBC ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเอามาลงทุนในการเมือง และมีการทุจริตในโครงการดังกล่าว รายละเอียดปรากฏตามข่าวที่เผยแพร่โดยทั่วไปดังที่ทราบดีแล้วนั้น

เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการเพื่อประโยชน์สาธารณะที่ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุดังกล่าว กระทรวงคมนาคมในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล รฟม. จึงมีหนังสือในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อขอข้อมูลและเอกสารหลักฐานจากนายชูวิทย์ฯ สำหรับใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินการตามอำนาจ และอำนาจหน้าที่ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. เลขบัญชี และชื่อเจ้าของบัญชีธนาคาร HSBC ที่ประเทศสิงคโปร์ ตามที่นายชูวิทย์ฯ อ้างถึงว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินจำนวน 30,000 ล้านบาท (สามหมื่นล้านบาท)

2. ชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีพฤติกรรมในการกระทำการทุจริตในโครงการดังกล่าวตามที่นายชูวิทย์ฯ กล่าวอ้าง

3. พยานหรือเอกสารหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวหาตามที่ได้แถลงข่าวยืนยันตามข้อ 1 และข้อ 2

4. ขอข้อมูลการดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้องตามข้อกล่าวหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่นายชูวิทย์ฯ ได้ดำเนินการไปแล้ว (ถ้ามี)

ในการนี้ กระทรวงคมนาคมขอความอนุเคราะห์จากนายชูวิทย์ฯ ให้ส่งมอบข้อมูล และเอกสารหลักฐานดังกล่าวให้กับกระทรวงคมนาคมภายใน 15 วัน เพื่อเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมขอเรียนว่า หากมีความคืบหน้าในการดำเนินการในกรณีนี้เป็นประการใด กระทรวงคมนาคมจะแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ทุกท่านทราบโดยทั่วกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดถึงวันนี้(14 มี.ค.) ผ่านมา 15 วันตามกำหนดแล้ว หลังจากกระทรวงคมนคมส่งหนังสือถึงนายชูวิทย์ แต่นายชูวิทย์ก็ยังไม่ได้ส่งเอกสารหลักฐานการโอนเงิน 30,000 ล้านบาทตามที่กล่าวอ้างให้แก่กระทรวงคมนาคมแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากนายชูวิทย์ได้แถลงข่าวที่หน้าทำเนียบรัฐบาล กล่าวหาว่ามีเงินทอน 3 หมื่นล้านบาทผ่านบัญชีธนาคาร HSBC สิงคโปร์ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้แถลงตอบโต้ทันทีว่า กรณีนี้หากนายชูวิทย์มีหลักฐานเอกสารตามที่กล่าวอ้าง ให้นำมาแสดงให้สาธารณชน และส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ รวมถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยว่าเป็นการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือไม่ แต่หากที่สุดแล้ว นายชูวิทย์ไม่มีเอกสารหลักฐานมาแสดงตามที่กล่าวอ้างได้ กรณีนี้ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ รฟม.เสื่อมเสีย ซึ่ง รฟม.จะพิจารณาเพื่อดำเนินคดีต่อนายชูวิทย์ที่ได้กล่าวหาข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามกฎหมายต่อไป

หลังจากนั้น วันที่ 24 ก.พ.ที่นายชูวิทย์ ได้เดินทางไปที่กระทรวงคมนาคมและอ้างถึงเงินทอน 3 หมื่นล้านอีกครั้ง นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้แถลงเช่นกันว่า กรณีที่มีการกล่าวหานั้น หากมีข้อสงสัยใดๆ ให้นำหลักฐานมาแสดงต่อกระทรวงคมนาคม ก็พร้อมดำเนินการตรวจสอบ และขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายรวบรวมหลักฐานเพื่อดูรายละเอียดว่าทำให้กระทรวงคมนาคมเสียหายหรือไม่

ต่อมานายชูวิทย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ในทำนองยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานเงินทอน 3 หมื่นล้านตามที่เคยแถลงต่อสื่อมวลชน โดยอ้างว่า “เงินทอน” คือ เงินที่ได้มาจากการทำสัญญาของผู้รับเหมากับหน่วยงานรัฐ ในเมื่อรถไฟฟ้าสายสีส้มยังไม่ได้เซ็นสัญญา ยังลูกผีลูกคนอยู่ แล้วจะมีเงินทอนได้ยังไง

จึงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า กรณีที่นายชูวิทย์ได้แถลงข่าวว่ามีหลักฐานการโอนเงิน 3 หมื่นล้านบาท ไปยังเลขที่บัญชี ธนาคาร HSBC ที่สิงคโปร์ นั้น เป็นการจงใจเผยแพร่ข้อมูลเท็จสู่สาธารณะ รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีหลักฐานแต่ก็ยังโกหกว่ามี ทำให้ รฟม.และกระทรวงคมนาคมได้รับความเสียหาย หลังจากนี้นายชูวิทย์ต้องเตรียมรับการดำเนินการทางกฎหมายจาก รฟม.และกระทรวงคมนาคมต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น