วันนี้(2 มี.ค.) เนื่องจากในวันที่ 8 มีนาคม จะเป็นวันสตรีสากล ทางมูลนิธิเพื่อนหญิงร่วมกับมูลนิธิพิทักษ์สตรี ได้จัดงานเสวนาภายใต้หัวข้อ"ผู้หญิงส่งเสียงเรียกร้องพรรคการเมือง"โดยได้มีการขอเชิญตัวแทนจากพรรคการเมือง 8 พรรค เข้าร่วมการเสวนา โดยพรรครวมไทยสร้างชาติได้ส่ง นางรัดเกล้า สุวรรณคีรี หรือ เนเน่ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางพลัด บางกอกน้อย เป็นตัวแทนของพรรค
โดย นางรัดเกล้า กล่าวว่า สโลแกนของรวมไทยสร้างชาติ คือ "ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ"ภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันท์โอชา ได้มีการดูแลมอบสิทธิพื้นฐานต่างๆ ให้แก่กลุ่มสตรีและเยาวชนอยู่ มีโครงการมารดาประชารัฐ มีเงินช่วยเหลือและสิทธิพิเศษให้เด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปี เช่น เงินช่วยเหลือหลังคลอด 600 บาทต่อเดือน เงินช่วยเหลือการตรวจโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย และภาวะดาว์นซินโดรมในเด็กทารกในหญิงตั้งครรภ์
นางรัดเกล้า กล่าวต่อว่า ซึ่งสิทธิของสตรีที่รัฐบาลทำอยู่แล้วก็คือ ผู้หญิงสามารถตรวจมะเร็งปากมดลูกและฉีดวัคซีนปากมดลูกได้ฟรี รวมถึงโรคที่มันเกิดในเพศหญิง เช่น ตกขาวผิดปรกติ กระเพราะปัสสาวะอักเสบ โรคเหล่านี้เป็นหนึ่งใน 16 อาการที่สามารถไปรับยาฟรีที่ร้านขายยาที่มีสติกเกอร์ “ร้านยาคุณภาพของฉัน” และ ที่ร้านยาเอ็กซ์ตราพลัส ที่ 7/11 ค่ะ เพียงแค่ยื่นบัตรประชาชน
"นโยบายเหล่านี้คือเรื่องดีๆ ที่ทำแล้ว ทำอยู่ และจะทำต่อ โดยพรรครวมไทยสร้างชาติยังมีนโยบายที่เกี่ยวกับสตรีและเยาวชนอีก เช่น การมอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนอาชีวศึกษาจำนวน 100 ทุนต่ออำเภอ เพื่อสร้างผู้มีความชำนาญการมาเติมเต็มความต้องการของตลาดแรงงาน และจะมีทยอยมาอีกเรื่อง ๆ ซึ่งดิฉันมั่นใจจะเป็นประโยชน์ให้ต่อสตรีแน่นอน"นางรัดเกล้า กล่าว
นางรัดเกล้า กล่าวต่อว่า ในส่วนตัวที่จะมีการเสนอให้ทางพรรคพิจารณาเป็นประเด็นที่ตนได้ศึกษาและให้ความสำคัญ เพื่อกลุ่มสตรีและเยาวชนก็คือ การป้องกัน และ การคุ้มครอง เพราะปัจจุบันเกิดปัญหาการท้องก่อนวัยอันควร เป็นปัญหาที่รุนแรงและต้องเร่งแก้ไข เพราะอัตราการตั้งครรภ์วัยรุ่นเคยพุ่งสูงสุดถึง 53 ต่อ 1,000 ของการคลอดเลย ซึ่งปัญหานี้สามารถมาจากปัจจัยได้หลายด้าน เช่น การคุมกำเนิดที่ไม่เหมาะสม การศึกษาต่ำ การที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์เร็ว หรือ การเข้าถึงทางการแพทย์ไม่ดี
"เราจะต้องยกระดับศูนย์การช่วยเหลือสังคมในระดับท้องถิ่นให้มีศักยภาพมากขึ้น และนักสังคมสงเคราะห์ในระดับชุมชน มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะเขาจะได้ใกล้ชิดกับปัญหาให้ได้มากที่สุด ให้สามารถทำงานในเชิงรุก โดยให้ทำงานคู่กับประธานชุมชน โรงเรียน สถานพยาบาล และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นพึ่งของวัยรุ่นในชุมชนได้"
ในส่วนด้านการคุ้มครอง ก็คือเรื่องการให้ ความเป็นธรรม และ ความเท่าเทียม โดยคดีที่มีความรุนแรงกับเยาวชน และการล่วงละเมิดทางเพศ จะต้องเป็นการดำเนินโดยคณะทำงานที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นกรณีพิเศษ เพราะผู้ถูกทำร้ายเหล่านี้เขาโดนทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ ประเทศไทยต้องมี victim friendly justice หรือ กระบวนการยุติธรรมที่เป็นมิตรกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ
และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการให้โอกาสที่เท่าเทียม ต้องมีการดูแลให้อัตราส่วนของคนทำงานเพศหญิงให้ อยู่ในอัตราส่วนที่เท่าเทียมกันกับผู้ชาย เพราะประชากรของผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ เราจะผลักดันให้มีมาตรฐานนี้ในองค์กรภาครัฐต่างๆ รวมไปถึงในการเข้าดำรงตำแหน่งที่สำคัญต่างๆ ทางการเมือง ทั้งในระดับการเมืองท้องถิ่น และการเมืองระดับประเทศ
