เมืองไทย 360 องศา
ถือว่าผิดคาดและอาจผิดหวังไม่น้อยสำหรับเจ้าตัว กับการที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัว นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีคำสั่งออกมาเป็นได้แค่ประธานที่ปรึกษาของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพราะคำสั่งพรรคเพื่อไทย ที่ลงนามโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ได้ระบุขอบข่ายบทบาทหน้าที่เอาไว้อย่างชัดเจน
โดยคำสั่งดังกล่าวมีเนื้อหา ว่า ตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 ได้รับทราบการเปิดตัวโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” และต่อมาได้มอบหมายให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมดังกล่าว และต่อมาได้มีคำสั่งพรรคเพื่อไทย ที่ 0004/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานรับผิดชอบโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” ลงวันที่ 1 เมษายน 2565 ซึ่งการดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวจะต้องทำในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จึงต้องอาศัยบุคลากรของพรรคที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมนี้เพื่อให้โครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2561 ข้อ 63 (7) จึงให้แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยให้มีอำนาจหน้าที่ ให้คำปรึกษาแก่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คณะทำงานของพรรคที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว และดำเนินการอื่นใดตามที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมอบหมาย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป
ก็ชัดเจนว่าบทบาทหน้าที่ของ นายเศรษฐา ทวีสิน ก็คือให้คำปรึกษา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือทำหน้าที่อื่นใดตามที่ “อุ๊งอิ๊ง” มอบหมายให้ทำ
หลังจากนั้นไม่นาน นายเศรษฐา ก็ได้ให้สัมภาษณ์ที่พรรคเพื่อไทย หลังเข้าร่วมประชุมพรรค ไม่ได้แสดงความมั่นใจแบบเต็มร้อยสำหรับบทบาททางการเมืองทั้งในปัจจุบัน และอนาคต โดยอ้างว่าต้องให้เกียรติกับผู้ใหญ่ภายในพรรคก่อน เนื่องจากมีหลายคนมีความเหมาะสม โดยเฉพาะ “แคนดิเดตนายกฯ”
เมื่อถามว่า ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ที่พรรคเพื่อไทยจะเปิดเวทีปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ และ สุรินทร์ นั้น จะไปร่วมลงพื้นที่ด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขออนุญาตคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคก่อน พร้อมจะลงพื้นที่หากผู้ใหญ่มอบหมายและขึ้นกับว่าพรรคจะให้ทำอะไรบ้าง ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนที่ว่าหากคณะกรรมการบริหารพรรคเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยพร้อมจะรับหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ถึงวันนั้นก่อนดีกว่า ต้องให้เกียรติ หากไปพูดก่อนจะเป็นการกดดันคนอื่นที่มีศักยภาพ ตนเองเป็นน้องใหม่ ยังมีผู้ใหญ่หลายท่านที่มีคุณภาพ
สอดรับกับคำพูดของ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อถูกถามเรื่องการนำทัพหาเสียงของนายเศรษฐา โดย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรายังไม่พูดคุยในรายละเอียด เพราะกิจกรรมตามที่เราวางกรอบไว้ ก็มีคนที่รับผิดชอบอยู่ หากมีคนที่มีความรู้ความสามารถ ก็เข้ามาช่วยเติมเต็มได้ ทั้งนี้ คำว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในพรรคเพื่อไทย เรามีคณะกรรมการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ส่วนความเหมาะสมว่า ใครจะเป็นหัวหน้าทีมขึ้นอยู่กับช่วงเวลา และโอกาส ในแต่ละช่วงที่จะต้องมีการพิจารณาว่าทีมเศรษฐกิจ จะมีการดำเนินการอย่างไร เราไม่ได้มีข้อกำหนดหรือข้อแลกเปลี่ยนเพื่อที่เข้ามาจะเรียกร้องสิ่งใดๆ
เมื่อถามว่า การที่ นายเศรษฐา เข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย มีคนมองว่า เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอบคุณข้อชวนคิดนี้ เราพยายามแสวงหาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานพรรคให้ได้มากที่สุด ส่วนจะอยู่ในตำแหน่งไหน ขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณา ทั้งนี้ โดยกรอบระยะเวลาคร่าวๆ เราจะมีการเตรียมการเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ให้ได้ก่อนเวลาที่มีการคาดการณ์ว่า ยุบสภา
หากฟังจากน้ำเสียงรวมไปถึงบทบาทหน้าที่จากคำสั่งของพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งแต่งตั้งดังกล่าวทำให้เห็นว่า เป็นแค่ระดับ “ธรรมดา” หรือหากพูดแบบตรงๆ ก็คือ เป็นได้แค่ “ลูกน้องลูกเถ้าแก่” เท่านั้น ไม่ได้มาในระดับ “บินสูง” เหมือนกับที่เคยถูกจับจ้องมาก่อนหน้านี้ เพราะลักษณะงานที่ทำก็ไม่ต่างจากการ “เสริมบารมีอุ๊งอิ๊ง” ให้เด่นขึ้นเท่านั้น รวมไปถึงการเป็น “มวยแทน” หากลูกเถ้าแก่ไม่ว่าง หรือท้องแก่มีกำหนดใกล้คลอด อะไรประมาณนั้น
ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายคาดหมายกันว่า นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องเป็นตัวเต็งหนึ่งในสามแคนดิเดตบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แต่อย่างไรก็ดี หากสังเกตจะเห็นบทบาทภายในพรรคเริ่มเงียบหายไปจนเงียบ และล่าสุดเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นบทบาทในลักษณะ “ตัวรอง” ไม่ใช่ตัวหลักตามที่เคยคาดหมายเอาไว้
ที่ผ่านมา สำหรับคอการเมือง ที่ติดตามมานานย่อมรับรู้กันดีว่า เขามีความสนิทสนมกับ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และยังเชื่อด้วยว่าการผลักดัน นายเศรษฐา เข้ามาในพรรคเพื่อไทยก็น่าจะมาจากแบ็กกราวด์ดังกล่าวหรือเปล่า
อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันตามรูปการณ์ทำให้เห็นถึงแนวโน้มข้างหน้าว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว นาทีนี้ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังยืนหนึ่งสำหรับ “แคนดิเดตนายกฯ” ของพรรคเบอร์หนึ่ง เป็นตัวหลักสำหรับการเป็นตัวแทนของครอบครัวในการกลับมาได้อำนาจรัฐ และยังมั่นใจอีกว่าภารกิจหลักก็ยังเป็นเรื่อง “พาพ่อกลับบ้าน” นั่นเอง เพียงแต่ว่าในระยะหลังเริ่มผ่อนแรง ไม่เน้นย้ำมากนัก เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผลโจมตี แต่เชื่อว่าเป้าหมายยังไม่มีทางเปลี่ยนแปลง และคนที่ทำหน้าที่ที่ไว้ใจได้ที่สุดก็คงไม่มีใครเกิน “ทายาทสายตรง” คนนี้แน่นอน !!
