วันนี้ (24 ก.พ.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเตือนประชาชนว่า ในปัจจุบันภัยอันตรายในโลกออนไลน์มีหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น การหลอกถามข้อมูลส่วนตัวและรหัสผ่านทางโทรศัพท์ การใช้เว็บไซต์ปลอมหลอกเอาข้อมูล การส่งอีเมลแอบอ้างเป็นธนาคาร การแฮกข้อมูลจากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าในช่วงปีที่ผ่านมาสาเหตุของการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตมักเกิดจากการที่มิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศที่ไม่มีการใช้รหัส OTP (One-Time Password) โดยเริ่มจากจำนวนเงินน้อย ๆ ก่อน แล้วเมื่อพบเลขบัตรที่สามารถใช้งานได้ ก็จะใช้เลขบัตรนั้นทำธุรกรรมที่วงเงินสูงขึ้นต่อไป
นางสาวรัชดา กล่าวว่า ทุกภาคส่วนได้บูรณาการการทำงานเพื่อป้องกันและจัดการกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ได้ออกคำแนะนำแก่ประชาชน หากพบรายการใช้จ่ายในบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตผิดปกติ โดยที่ไม่ได้ใช้ ให้ดำเนินการดังนี้
1.เก็บหลักฐานรายการผิดปกติ วันเวลา จำนวนเงิน
2.อายัดบัตรเครดิต/เดบิตด้วยตนเองผ่าน Mobile Banking หรือโทรติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารผู้ออกบัตรหรือสาขาธนาคารเพื่อขออายัดบัตรทันที
3.แจ้งปฏิเสธรายการและให้ข้อมูลหลักฐานรายการที่ผิดปกติ ผ่านคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร
หลังจากนั้น ธนาคารดำเนินการตรวจสอบ หากพบถูกคนร้ายเอาข้อมูลบัตรไปสวมรอยทำธุรกรรม ธนาคารผู้ออกบัตรจะดำเนินการคืนเงินภายใน 5 วันทำการสำหรับบัตรเดบิต ส่วนบัตรเครดิตนั้น ธนาคารจะยกเลิกรายการที่ผิดปกติ โดยไม่ต้องชำระเงิน
"วิธีการป้องกัน แนะนำ 1)ให้ตรวจสอบรายการใช้จ่ายและการเคลื่อนไหวในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ 2)หลีกเลี่ยงการผูกบัตรเครดิตบัตรเดบิตกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ไม่น่าไว้ใจ เช่น ไม่มีการยืนยันตัวตน ไม่มีการส่ง OTP เพราะเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูล 3)จดข้อมูลว่าผูกบัตรใดไว้กับแอปพลิเคชันไหนบ้าง 4)ตั้งวงเงินในบัตรเครดิตบัตรเดบิตเท่าที่จำเป็นกับการใช้จ่าย เพื่อลดโอกาสเกิดความเสียหาย 5)หากพบรายการผิดปกติ ให้รีบติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทร.1213" นางสาวรัชดา กล่าว