รทสช.เปิดลอตแรกว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 จ.อีสาน แกนนำแดงอุดรร่วมวง ลั่นสู้ไม่ถอย ไม่หวั่นบางพรรคแลนด์สไลด์ ใช้ยุทธศาสตร์นายกฯลูกอีสานสู้ ชู ผลงานล้วนเข้าตา อดีตเสื้อแดง เผย ถูก พท.ทอดทิ้งหัวอกเดียวกับ “จตุพร”
เมื่อวันที่ (22 ก.พ.) นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ นายจำลอง ครุฑขุนทด รองหัวหน้าพรรค ซึ่งดูแลในภาคอีสาน ร่วมแถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 จังหวัดภาคอีสาน ประกอบด้วย อุธรธานี, หนองคาย, บึงกาฬ และ สกลนคร ของพรรครวมไทยสร้างชาติ
นายวิทยา กล่าวว่า วันนี้มีว่าที่ผู้สมัครจากอีสานตอนเหนือ 4 จังหวัด ทั้งหมด 22 คน มาพบคณะกรรมการสรรหาฯ เพื่อยื่นความจำนงลงสมัคร หลังจากคณะกรรมการสรรหาฯ ได้พิจารณาคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว จึงประกาศให้เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคใน 4 จังหวัด รวม 22 คน ในเบื้องต้น ประกอบด้วย อุดรธานี ประกาศครบทั้ง 9 เขตเลือกตั้ง หลังจากนี้ บางคนต้องกลับไปลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) บางคนเป็นนายกเทศบาล นอกจากนั้น มีอยู่อย่างน้อย 5 คน เป็นอดีตแกนนำ นปช.หรือคนเสื้อแดง คือ นายณัฐยศ ผาจวง หรือ ดร.แดง ปัจจุบันเป็น ส.จ.อุดรธานี
นายวิทยา กล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครลอตแรก 4 จังหวัด 22 คนครั้งนี้ ทุกคนมีความเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อมั่นผลงานที่ทำมาในพื้นที่ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่ พวกเขาจึงมาจับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อช่วยกันผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก้าวเข้าสู่เส้นชัยได้เป็นนายกฯอีกสมัย ตนได้พูดคุยกับทุกคนแล้วต่างมีความมั่นใจ ส่วนใครจะผ่านเข้ามาได้กี่คนนั้นอยู่ที่ความขยันในสถานการณ์ที่พลิกไปตามเหตุการณ์ แต่ตนเชื่อมั่นว่า ทุกคนมีคะแนนอย่างที่น่าตกใจ
ผู้สื่อข่าวถามถึงยุทธศาสตร์ในการหาเสียงในภาคอีสาน นายวิทยา กล่าวว่า มีหลายนโยบายที่โดนใจประชาชนแน่นอนเมื่อเปิดออกมา พรรคได้รับคำเสนอแนะนำจากว่าที่ผู้สมัครหลายคน บอกว่า ในนโยบายบางเรื่องที่พรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นนโยบายทีเด็ด เช่น กองทุนหมู่บ้าน มาวันนี้หลายๆ หมู่บ้านในภาคอีสานเรียกร้องเพื่อให้ทบทวน เพราะไม่ต้องการมีภาระหนี้ในกองทุนหมู่บ้านต่อไป แม้โครงการจะยุติแล้วแต่ยังต้องหาเงินมาจ่ายหนี้กองทุนหมู่บ้านทุกปีพวกเขาจึงอยากหาทางลงให้กับหนี้สินที่ไม่หมดสักที
นายวิทยา กล่าวว่า เรื่อง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าบัตรลุงตู่ ในความรู้สึกของพวกเขา ทุกคนสามารถเดินไปหาบัตรลุงตู่ได้ทุกหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งไม่น้อยกว่า 80-90 คน ที่รับรู้เรื่องนี้ นั่นเป็นคะแนนฐานเสียงที่มั่นคงและยิงไม่เข้า คือ เขาเชื่อมั่นว่า ถ้าลุงตู่ไม่ได้เป็นนายกฯ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรลุงตู่ หายไปแน่ แต่ถ้าลุงตู่อยู่ต่อพวกเขาจะได้บัตรลุงตู่ต่อไปตลอดทั้งปี และมีหลายโครงการที่พัฒนาในภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟรางคู่ การก่อสร้างถนน สะพานและอุโมงค์ ที่เกิดขึ้นในทางอีสานมากมายในช่วง 8 ปีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งเหล่านี้ชาวบ้านเขารับรู้ ว่าเป็นย่างก้าวเดินที่ถูกต้อง ถ้าเปรียบเทียบกับ ส.ส.เดิมที่แทบจะไม่มีผลงานอะไรเลย ตรงนี้เป็นความรู้สึกของประชาชนทั่วไป ดังนั้น ทุกคนจึงลงแข่งด้วยความมั่นใจ
เมื่อถามว่า ยุทธศาสตร์ของบางพรรคที่ประกาศจะแลนด์สไลด์ทางภาคอีสาน ตรงนี้หวั่นไหวหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า ได้ถามว่าที่ผู้สมัครทุกคนแล้วไม่มีใครกลัวหรือหวั่นไหวเลย แต่กลับมองว่า ส.ส.เก่าที่ไม่มีผลงานอะไรเลยต้องกลัวมากกว่าขอให้ระวังตัวให้ดี เมื่อถามย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้หวังไว้ทุกเขตทุกจังหวัดหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า ทุกจังหวัดที่พรรคส่งลงแข่งขันสามารถสู้พรรคการเมืองอื่นได้แน่นอน ไม่อยากโม้ว่าจะได้ 20 หรือ 40 คนค่อยดูกันยาวๆในวันข้างหน้า ตนเชื่อมั่นว่าแต่ละคนมีขวัญและกำลังใจดีในสนามเลือกตั้ง
“ผมคิดว่า ในรอบเดือนที่ผ่านมาคนในภาคอีสานเริ่มรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นลูกอีสานจริงๆ และเป็นลูกอีสานที่เขาภูมิใจ เพราะทำงานเพื่อคนไทยทั้งชาติก้าวพ้นความเป็นอีสาน แต่กลายเป็นความภูมิใจของคนทั้งชาติ เช่นเดียวกับคนใต้เคยภูมิใจ พล.อ.เปรม ที่ทำงานเพื่อคนทั้งประเทศ มาวันนี้คนอีสานก็มีความภูมิใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนกัน ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องเสกสรรปั้นแต่ง เพราะประชาชนทั่วไปก็รู้ว่าท่านเกิดที่โคราช คุณแม่เป็นคนชัยภูมิ ท่านคือลูกอีสานที่แท้จริง แต่อาจจะพูดจาไม่คล่อง เพราะตามคุณพ่อไปอยู่กรุงเทพฯ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คือ เลือดเนื้อเชื้อไขของคนอีสานอย่างแท้จริง” นายวิทยากล่าว
รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พรรคจะเปิดเวทีที่ จ.นครราชสีมา โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคบางส่วน อย่างไรก็ตาม ในภาคอีสาน 20 จังหวัด 132 เขต พรรคมีว่าที่ผู้สมัครครบหมดทุกเขตแล้ว
ด้าน นายจำลอง ครุฑขุนทด รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เวลานี้ประชาชนอยากได้คนอีสานเป็นนายกฯ และเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต พล.อ.ประยุทธ์ เข้าเกณฑ์ตรงนี้ที่ผ่านมาช่วงบ้านเมืองมีวิกฤต พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทำงานจนรอดพ้นวิกฤตในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความขัดแย้งของคนในชาติ การมี ส.ส.พรรคเดิมๆ มานาน คนอีสานต้องมานั่งรอคอยการพัฒนาแต่วันนี้คนอีสานต้องการเปลี่ยนแปลงอยากได้สิ่งที่ดีกว่าเดิมอยากได้สิ่งที่มีมาตรฐาน ผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ปรากฏต่อสายตาคนอีสานแล้ว ว่า ตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯภาคอีสานมีการพัฒนาโดยเฉพาะคนรากหญ้าได้ประโยชน์มากที่สุด
ขณะที่ นายณัฐยศ ผาจวง หรือ ดร.แดง อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ปัจจุบันเป็น ส.จ.อุดรธานี กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตั้งใจจะทำงานผู้รับใช้ประชาชนในตำแหน่งของนักการเมืองระดับชาติสังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ไม่มีโอกาสที่จะสมัครไม่ได้รับการเอาใจใส่จากพรรคเดิม จึงมามองว่าในยุคนี้คนที่ทำงานให้กับประเทศชาติอย่างแท้จริงไม่มีใครเท่ากับพล.อ.ประยุทธ์ จึงตัดสินใจมาสมัครเพื่อร่วมอุดมการณ์ด้วย เพื่อจะได้นำผลงานไปสู่จังหวัดอุดรธานีจึงตัดสินใจเข้าสู่พรรครวมไทยสร้างชาติ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ออกจากพรรคเพื่อไทย เพราะเขาไม่ให้ความสำคัญทั้งที่เคยต่อสู้ให้กับคนเสื้อแดง ให้กับพรรคเพื่อไทยจนติดคุก 9 เดือน ถูกให้ออกจาก ราชการครูเมื่อออกมาแล้วก็อยากจะรับใช้ประชาชนแต่พวกตนก็ไม่มีโอกาสที่จะผ่านมติของพรรค เพราะว่านโยบายของพรรคส่วนใหญ่เขาจะเอาลูกท่านหลานเธอหรือคนใกล้ พวกตนเลยไม่มีโอกาส ถูกทอดทิ้งช่วงที่ติดคุกก็ไม่เคยได้รับการดูแลไม่ว่าจากคนแดนไกลหรือใครในพรรค มีแต่เพื่อนที่ดูแลเท่านั้น ซึ่งก็เป็นความรู้สึกเดียวกับที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำนปช.เคยสะท้อนออกมา นายจตุพรพูดตรงใจคนเสื้อแดงที่ไม่ได้รับการดูแลหรือเยียวยาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็มีคนเสื้อแดงที่เขารู้สึกถูกทอดทิ้งก็ได้แยกออกจากพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกับตน
“ผมบอกได้เลยว่า การที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะแลนด์สไลด์ เพราะเขาอยากได้มวลชนคนเสื้อแดงกลับคืนสู่ที่เดิม แต่มันเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากพฤติกรรมของนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดอุดรธานี และหลายจังหวัดไม่ตอบสนองประชาชนในเขตพื้นที่ ผมไม่กลัวถูกกล่าวหาทรยศต่ออุดมการณ์ เพราคุกก็ติดมาแล้วแต่ไม่มีใครดูแล เมื่อคนเสื้อแดงเห็นแสงสว่าง ที่ปลายอุโมงค์ก็ต้องออกมาสู้ และไม่อยากให้พี่น้องคนเสื้อแดงถูกหลอกอีกต่อไป เราเห็นความจริงใจของลุงตู่ในการปฏิบัติหน้าที่จึงเข้ามาอยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติ”อดีตแกนนำคนเสื้อแดง จ.อุดรฯ กล่าว