วันนี้(20 ก.พ.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางสาวภคอร จันทรคณา-พลโท อัศวิน รัชฎานนท์-นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรค นายศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรคฯ นายสรกฤช จันทรคณา โฆษกพรรค, นางสาว อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ โฆษกประจำตัว ส.ส.มงคลกิตติ์ฯ,นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข รองโฆษกพรรค ,นางสาวกนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ รองโฆษกพรรคฯ นางสาวกฤษยากร สรชัย ผู้ช่วยเหรัญญิกพรรค,นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิตต์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค,ดร.อนวรรช ศรีคำเงิน กรรมการบริหารพรรค,นายอดิศร สังข์จันทร์ กรรมการบริหารพรรค ลงพื้นที่ จ.ลำพูน และ จ.เชียงใหม่ โดยเริ่มจากการสักการะพระธาตุหริภุญชัย ภายในวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นพระธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาว จ.ลำพูน เป็นที่ประดิษฐาน พระเกศธาตุ ของพระพุทธเจ้า และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีระกา โดยนายมงคลกิตติ์ และคณะ ขอพรอธิษฐานให้พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้รับผลการเลือกตั้งเป็นที่น่าพอใจและเพียงพอต่อโอกาสในการผลักดันนโยบายในการสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ต่อมา ได้เดินทางไปยัง กาด(ตลาด)นัดวันศุกร์แยกศรีบุญเรือง ต.แม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินการประชุมเพื่อคัดเลือกตัวแทนพรรคไทยศรีวิไลย์ใน จ.เชียงใหม่ โดยผลการประชุมปรากฏว่า นายมงคล บุญล้ำ ได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคไทยศรีวิไลย์ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และทางพรรคฯ ได้เปิดตัวว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ ของพรรคฯ จำนวน 6 คน ได้แก่ นายมงคล บุญล้ำ เขต 5 (อ.แม่ริม,แม่แตง,สะเมิง,กัลยาณิวัฒนา) นายพิสิษฐ์ โรจนะบริบูรณ์ เขต 7 (อ.พร้าว,ไชยปราการ,ฝาง) นายกรินท์ บุญตันสา เขต 8 (อ.แม่อาย,ฝาง) นายอดิชาติ รุ้งธนาสมศักดิ์ เขต 9 (อ.หางดง,สันป่าตอง) นายเกตุวิโรจน์ สุต๋าคำหิรัณธ์ เขต 10 (อ.แม่วาง,แม่แจ่ม,ดอยหล่อ,จอมทอง) และนายสมบูรณ์ ถากว้าง เขต 11 (อ.ฮอด,ดอยเต่า,อมก๋อย,แม่แจ่ม) ซึ่งหลังจากการประชุมฯ แล้ว ทางพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เปิดปราศรัยแนะนำนโยบายต่อประชาชนทันที โดยเน้นในเรื่องของการหารายได้เข้าประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจทุกครัวเรือน โดยการารอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 1.5 แสนบาท ทุกครัวเรือน ซึ่งเน้นย้ำว่า ไม่ใช่นโยบายที่ทำลายวินัยการเงินการคลัง แต่จะเป็นการคืนศักดิ์ศรีของคนหลายๆคนจากการเป็นหนี้ที่มาจากที่ต่างๆ โดยเฉพาะสถาบันการเงินของรัฐ กองทุนที่กำกับโดยรัฐบาล และน้องๆนักศึกษา จะสามารถปลดหนี้ กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ก.ย.ศ.) ได้ทันที ลดเก็บภาษีค่าน้ำมันเบนซีน-ดีเซล ทำให้ราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิดไม่เกิน 25 บาท/ลิตร ก๊าซหุงต้ม 15 กก. ไม่เกิน 350 บาท ซึ่งจะทำให้ของอุปโภคบริโภคที่เป็นของพื้นฐานประจำวันของชีวิตมีราคาลดลงทันที และนโยบายปราบปรามยาเสพติด ที่แพร่ระบาดตามแนวชายแดน หลังจากนั้น ได้เดินทักทายประชาชนในตลาดคนเดิน อีก 2 แห่ง คือ กาดข่วงท่าแพ และกาดหน้ามอ ที่ตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งนายมงคลกิตติ์และคณะ ได้รับการต้อนรับจากประชาชนและวัยรุ่นที่เดินอยู่ในตลาดทั้ง 2 แห่ง ต่างเข้ามารุมล้อมขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก
นางสาวภคอร กล่าวว่า การลงพื้นที่ 2 จังหวัด คือ ลำพูน และ เชียงใหม่ ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ ต้องการที่จะสู้ศึกเลือกตั้งใน 2 จังหวัดดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยปัญหาความเดือดร้อนที่พบในจังหวัดลำพูน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของผลผลิตของของดีประจำจังหวัด คือ ลำไยกับกระเทียม ซึ่งบางครั้งผลผลิตออกมามาก ทำให้เกิดปัญหาล้นตลาด บางครั้งก็ออกมาน้อย เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจหรือพบกับศัตรูพืชเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ตนจึงอยากให้มีการบริหารจัดการพืชเศรษฐกิจที่อยู่ในคำขวัญ จ.ลำพูน ตั้งแต่แรกการผลิตไปจนถึงการหาตลาดใหม่ๆ เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้และแรงจูงใจให้ชาวสวนลำไยและกระเทียม มีความพยายามปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น นอกจากที่นำไปประยุกต์ใส่ในอาหารต่างๆ เช่น เค้กลำไย คุ้กกี้ลำไย ก๋วยเตี๋ยวลำไย ข้าวซอยลำไย เป็นต้น อีกทั้ง การที่ จ.ลำพูน ได้รับการส่งเสริมให้เป็นเมืองรองต้องห้ามพลาด จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยหวังกระตุ้นให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวเพื่อเป็นการกระจายรายได้ แต่ปรากฏว่า การท่องเที่ยวใน จ.ลำพูน ยังไม่คึกคักเท่าที่ควร ดังนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์ จึงมีแนวคิดที่จะผลักดันให้ปรับปรุงถนนหนทางเพิ่มเติม และเน้นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรม เพื่อที่จะสร้างรายได้ให้ จ.ลำพูน เพิ่มมากขึ้น
นางสาวภคอร กล่าวอีกว่า สำหรับ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นมหานครของทางภาคเหนือและมีศักยภาพในการพัฒนาเหมือนกับกรุงเทพมหานคร และถือว่า มีปัญหาเหมือนกับกรุงเทพฯ แทบทุกอย่าง เช่น การจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน การขยายตัวของเมืองที่กระทบกับชุมชนดั้งเดิม ปัญหาการขาดแคลนสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ปัญหาการบุกรุก และทำลายโบราณสถาน และแหล่งท่องเที่ยว ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งอยู่ในขั้นวิกฤตต่อสุขภาพของคนเชียงใหม่ รวมทั้ง ยังมีปัญหาเกี่ยวกับชาวบ้านเรื่องผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ และปัญหาการลักลอบนำเข้า ลำเลียง และแพร่ระบาดของยาเสพติด ตามแนวชายแดนของ จ.เชียงใหม่ เพราะฉะนั้น นอกจากจะต้องแก้ไขปัญหาตามกลไกปกติตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ยังจะต้องมีการยกฐานะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีศักยภาพเพื่อที่จะมารองรับปัญหาที่สลับซับซ้อน โดยจะเสนอให้เชียงใหม่เป็นมหานครที่มีอำนาจจัดการเบ็ดเสร็จในการแก้ไขปัญหา และนำเงินภาษีอากรที่จัดเก็บได้ในเชียงใหม่ มาบริหารจัดการเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มากกว่าที่ได้รับอยู่ในปัจจุบันนี้
“ดิฉันต้องขอขอบคุณประชาชนชาวเหนือทั้ง 2 จังหวัด ที่ให้ความสนใจกับพรรคไทยศรีวิไลย์ โดยประชาชน วัยรุ่น และนักศึกษาได้รุมล้อมขอถ่ายรูป นายมงคลกิตติ์ เป็นจำนวนมาก และเปิดโอกาสให้พวกเราได้นำเสนอนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่กำลังมาถึงในอีกไม่ช้านี้ รวมทั้ง ยังได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครจำนวน 6 คน จากจำนวน ส.ส. 11 คน ถือเป็นความตั้งใจของพรรคฯ ที่ต้องการจะลงสู้ในทุกๆ จังหวัด ตามความพร้อมที่จะทำได้แบบสมศักดิ์ศรี แต่สิ่งที่กำลังกังวลอยู่ก็คือ ในขณะที่หลายๆพรรค กำลังเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งอย่างขะมักเขม้น และทยอยเปิดตัวนโยบายกันเป็นจำนวนมากแล้ว แต่มีอยู่เพียงบางพรรคการเมือง ทำตัวเหมือนรู้วันยุบสภา จึงทำตัวคอยดึงนักการเมืองให้ได้มากที่สุด เพื่อเป้าหมายให้คนเพียงไม่กี่คนสืบทอดอำนาจทางการเมืองบนความทุกข์ยากของประชาชน รวมทั้ง ยังไม่รู้ว่านโยบายที่จะใช้หาเสียงคืออะไรด้วย ดังนั้น ดิฉันเชื่อว่า วันยุบสภาก็คงขึ้นอยู่กับว่า พรรคการเมืองบางพรรคจะพร้อมหรือยัง และคงจะไม่เกินวันที่ 22 มีนาคมนี้ เพราะถ้าไม่ยุบสภา จะทำให้คนที่เข้าพรรคหลังจาก 7 กุมภาพันธ์นี้หมดสิทธิ์ลงสมัคร ส.ส.ทันที จึงต้องขอร้องประชาชนว่า ขอให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์เข้ามาเป็น ส.ส. เยอะๆ เพราะเป็นพรรคที่มีความจริงใจและมีสปิริตพอในการที่ใช้ความเป็นคนธรรมดา เข้าหาประชาชน มากกว่าพรรคการเมืองบางพรรคที่ยังดันทุรังเอาคนที่ชาวบ้านไม่ชอบและทำให้ทุกข์ทรมานและเอาตำแหน่งพ่วงท้ายเพื่อเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ ในการหาเสียงด้วย” นางสาวภคอรกล่าว