โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการครอบครองอาวุธปืนและยาเสพติด ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นายกฯ กำชับทุกฝ่ายเดินหน้าปฏิบัติต่อเนื่องจริงจัง
วันนี้ (17 ก.พ.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งดำเนินการหาแนวทางการป้องกันและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนและยาเสพติด ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นั้น ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการแก้ไขปัญหาอาวุธปืน โดยมีมาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืน ดังนี้
1. การอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (1) เพิ่มเติมเอกสารใบรับรองแพทย์ ปัจจุบัน กระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างการหารือกับกรมสุขภาพจิตและโรงพยาบาลสมเด็จพระยาในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสุขภาพจิตและหาสารเสพติดของผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน รวมทั้งศึกษาแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 เนื่องจากพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ไม่ได้ให้อำนาจนายทะเบียนท้องที่ออกคำสั่งให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการตรวจสุขภาพจิตและหาสารเสพติด (2) ออกหนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัดหรือนายจ้าง โดยกำชับนายทะเบียนท้องที่ให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรและการรับรองความประพฤติของผู้ยื่นคำขออนุญาตทุกราย ทั้งนี้ การขออนุญาตให้ซื้ออาวุธหรือเครื่องกระสุนส่วนบุคคลให้มีอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนสำหรับการค้าให้มีอาวุธปืน (แบบ ป.3) และการขอใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ให้มีอาวุธปืนไว้เพื่อเก็บ ให้มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนชั่วคราว (แบบ ป.4) โดยในกรณีที่เป็นข้าราชการจะต้องผ่านการรับรองจากผู้บังคับบัญชา หรือหากเป็นบุคคลทั่วไปจะต้องได้รับการรับรองจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งการออกใบรับรองให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งหากปรากฏภายหลังพบว่ามีพฤติกรรมชวนสงสัยหรือถูกดำเนินคดีอาญา ต้องแจ้งให้ มท. ทราบเพื่อดำเนินการแจ้งนายทะเบียนท้องที่ดำเนินการตามอำนาจต่อไป ปัจจุบัน มท. อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ในประเด็นการกำหนดอายุใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (3) ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขออนุญาต กำชับนายทะเบียนท้องที่ให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นคำขออนุญาต ทั้งก่อนและหลังการออกใบอนุญาตและซักซ้อมแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติให้ผู้ที่จะยื่นคำขอต่อนายทะเบียน ตามแบบ ป.3 หากเป็นการซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนในราชอาณาจักรให้ขออนุมัติผ่อนผันและรายงานให้ มท. ทราบทุกครั้ง ทั้งนี้ กรณีสนามยิงปืนจะอนุญาตให้ซื้อกระสุนปืนได้เฉพาะสนามยิงปืนที่จัดตั้งเป็นสมาคมกีฬาโดยถูกต้องตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 และต้องแก้ไขชนิดและขนาดปืนที่ได้รับอนุญาตตามแบบ ป.4 เท่านั้น กรณีมีผู้ยื่นคำขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนชนิดหรือขนาดเดียวกันจำนวนมากผิดปกติ ให้เรียกอาวุธปืนและใบอนุญาตมาตรวจสอบเป็นรายๆ ไป หากพบว่ามีการแสดงข้อมูลเป็นเท็จโดยใช้ชื่อตนเองเพื่อซื้ออาวุธปืนให้บุคคลอื่นให้เพิกถอนใบอนุญาตทันที (4) เพิกถอนใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว มีการกำชับแนวทางการอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวภายในเขตจังหวัด และแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพิกถอนใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) ได้ทันที หากพบว่าเป็นผู้ที่ไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ หรือถูกเพิกถอนแบบ ป.4 และ (5) เชื่อมโยงฐานข้อมูล มท. ได้อนุมัติสิทธิให้ ตช. (ส่วนกลาง) สามารถเข้าระบบเพื่อตรวจดูข้อมูลทะเบียนอาวุธปืนได้ และอยู่ระหว่างการหารือด้านเทคนิคการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน
2. การจัดการอาวุธปืนที่ได้ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่มีกฎหมายห้ามออกใบอนุญาต กระทรวงมหาดไทยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ปัจจุบันอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นในระบบกฎหมายกลาง โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่ (1) หากบุคคลที่มีการครอบครองอาวุธปืนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายและอยู่ในความควบคุมของรัฐโดยได้รับการยกเว้นโทษ (2) กรณีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ให้ผู้ครอบครองส่งมอบให้อยู่ในการควบคุมของรัฐโดยได้รับการยกเว้นโทษ และ (3) กำหนดให้มีการจัดเก็บอัตลักษณ์หัวกระสุนและปลอกกระสุนของอาวุธปืนทุกกระบอกโดยให้มีกำหนดโทษทางอาญาสำหรับผู้ฝ่าฝืนไว้ด้วย ทั้งนี้ อัตราการออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) ระหว่างเดือนกรกฎาคม-15 ธันวาคม 2565 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
3. การป้องกันและปราบปรามในเชิงรุก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการ ดังนี้ 1) การป้องกัน ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลประวัติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ (1) วัยรุ่น กลุ่มเสี่ยง นักเลง อันธพาล (2) บุคคลที่มีคดีความ ผู้มีอิทธิพล ผู้กว้างขวาง (3) บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนแต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อย (4) กลุ่มบุคคลที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ (5) บุคคลพ้นโทษ (6) กลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมลักลอบผลิตจำหน่ายอาวุธปืนทางออนไลน์ และ (7) กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด 2) การปราบปราม ได้ดำเนินการ ดังนี้ (1) สืบสวน ปราบปราม ตรวจค้นแหล่งค้า/ผลิตอาวุธปืนผิดกฎหมาย (2) กำหนดจุดตรวจ จุดสกัด (3) สกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธปืนทั้งทางบกและทางน้ำ (4) ตรวจสอบการขนส่งทางไปรษณีย์ (5) ปราบปรามการค้าอาวุธปืนข้ามชาติ และ (6) ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดทางสื่อออนไลน์ ทั้งนี้ ผลการดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม-15 ธันวาคม 2565 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและวัตถุระเบิด รวม 29,464 คดี ผู้ต้องหา 27,637 ราย โดยข้อหาที่คนร้ายใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ จำแนกตามฐานความผิด ได้ดังนี้ (1) ฐานความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ รวม 46 กระบอก (2) ฐานความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ รวม 7 กระบอก (3) ฐานความผิดพิเศษ รวม 10 กระบอก และ (4) คดีความผิดที่รัฐเป็นผู้เสียหาย รวม 5,246 กระบอก
4. มาตรการทางดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการที่สำคัญ คือ การป้องกันการค้าอาวุธปืนบนแพลตฟอร์มดิจิทัลและเครือข่ายสังคมออนไลน์ และการป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไม่เหมาะสม ในการปิดกั้นแพลตฟอร์ม หากมีข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอันเกี่ยวกับอาวุธปืนและยาเสพติด และได้ตรวจสอบแล้วเป็นความผิดตามกฎหมายนั้น ๆ สามารถประสานไปยัง ดศ. เพื่อดำเนินการพิจารณาตามกฎหมาย หากศาลมีคำสั่งให้ระงับการเผยแพร่ก็จะดำเนินส่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อดำเนินการระงับการทำให้แพร่หลายต่อไป
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้ยาเสพติดกับการใช้อาวุธที่จะดำเนินการในหลายมิติ โดยเฉพาะมาตรการเรื่องการป้องกันป้องปรามในสถานที่ต่างๆ การปราบปรามโดยใช้กระบวนการทางกฎหมาย กวาดล้างทั้งยาเสพติดและการใช้อาวุธต่างๆ ความเข้มข้นในการตรวจสอบการใช้อาวุธ การพกพาอาวุธ ขณะที่ยาเสพติด นอกจากการป้องกันและปราบปรามแล้ว รัฐบาลและนายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับมิติของการนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ทั้งสถานที่บำบัดรักษาของรัฐ และศูนย์บำบัดรักษาต่างๆ ของส่วนท้องถิ่นให้มีเพียงพอ ได้คุณภาพมาตรฐาน รวมทั้งการค้นหาคนที่ติดยาเสพติดเพื่อนำมาสู่การบำบัดรักษาภายใต้มาตรการที่เหมาะสมในการดำเนินการอย่างเข้มงวด เร่งด่วน และมีประสิทธิภาพ” นายอนุชา กล่าว