โฆษก พปชร.ย้ำจุดยืน ชู 2 นโยบาย มีเราไม่มีแล้ง มีที่ทำกิน ไม่มีจน ภารกิจจากใจ “พลเอก ประวิตร” ช่วย ปชช.หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก
วันนี้ (10 ก.พ.) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ ทีมโฆษกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสระบุรี เขต 3 แถลงข่าวร่วมกันภายหลังการประชุมคณะกรรมการจัดทำนโยบายของพรรค พปชร.ที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธาน ว่า พรรคพลังประชารัฐ ขอขอบคุณสื่อมวลชน และประชาชนทุกท่านที่ให้ความสนใจในนโยบายของพรรค ตั้งแต่นโยบายหลักที่เพิ่มเงินสวัสดิการในบัตรประชารัฐจำนวน 700 บาท หรือลุงป้อม 700 บาท มุ่งขจัดปัญหาความยากจน เป็นนโยบายที่ถูกใจประชาชน จนมาถึงวันนี้ที่พรรคพลังประชารัฐได้เปิดนโยบายต่อเนื่องที่ 2 และ 3 ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้มอบเป็นภารกิจ ให้กับทุกคนในพรรค นำไป ปราบ และสู้ กับภัยน้ำแล้ง น้ำท่วม จัดการเรื่องที่ทำกิน ให้ประชาชนสามารถมีที่ดินเป็นของตนเอง เพื่อให้ประเทศไทยไร้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง อย่างยั่งยืน รวมไปถึงการทำให้เกษตรกรมีที่ดินเป็นของตัวเอง ใช้ที่ดินในการทำมาหากินต่อไป “มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน” “มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” เราคาดหวังว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐจะช่วยทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีให้ทัดเทียมกับประชาชนประเทศอื่นๆ”
โดยนโยบายการบริหารจัดการน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน การกักเก็บน้ำ เพิ่มแหล่งน้ำสำรอง และแหล่งน้ำทางเลือก เพื่อแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจัดทำผังน้ำชุมชน และที่สำคัญ ในการบริหารจัดการระบบน้ำ เรามีผังในการบริหารทั่วประเทศ เพื่อจัดระเบียบทางเดินของน้ำ
นายอรรถกร ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนนโยบายการจัดที่ดิน พรรคของเราจะทำให้คนไทย และเกษตรกรมีที่อยู่อาศัย และสามารถทำกินบนที่ดินของตัวเอง โดยกว่า 3 ปีที่ผ่านมา พลเอก ประวิตร ได้เร่งแก้ปัญหาทั้ง 2 เรื่องมาโดยตลอด จนเป็นที่เรียกกันติดปากว่า “ไม่รู้ แต่ไม่แล้ง” และมีการระดมความคิดเห็น ทั้ง ส.ส.ในพรรค นักวิชาการ การทำประชาสังคมกับชาวบ้าน จนออกมาเป็นนโยบายในวันนี้
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคเราก็ยังลงพื้นที่ แก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินให้กับพี่น้องประชาชน หลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา เพราะปัญหาที่รอคอยมาตลอดชีวิตได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ การทำงานของพรรคพลังประชารัฐประสบความสำเร็จก็มาจากการสะท้อนปัญหาจาก ส.ส.ในพื้นที่มาถึงผู้บริหารพรรค จนนำไปสู่การแก้ไข