หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ลุยต่อ ชูนโยบาย"หมอประจำตัว-กัญชาการแพทย์"ยังมั่นใจ จะประสบความสำเร็จ ลั่น ยุบสภาฯเมื่อไหร่ ก็พร้อมสู้เมื่อนั้น
วันนี้ (5 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น.นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แถลงข่าวถึงนโยบายที่จะใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า พรรคพลังธรรมใหม่จะมีในโยบายหลักสำคัญอยู่ 6 ข้อ และมีนโยบายรองอีก 3 ข้อรวมทั้งหมด 9 ข้อ สำหรับนโยบายเรื่องแรกคือ ศาสนาพุทธจะเป็นศาสนาประจำชาติ และประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาโลก เพื่อที่เราจะนำหลักการที่สำคัญของพระพุทธศาสนามาแก้การที่ประเทศไม่มีศีลธรรม ไม่มีสิ่งที่ดีงาม ทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม โดยเราจะไม่ให้ไปรบกวนศาสนาอื่นใดทั้งสิ้น ซึ่งศาสนาอื่นที่อยู่ในประเทศไทยก็จะได้สิทธิทุกอย่างเหมือนเดิม เราสนใจแต่เพียงที่จะทำให้คนไทยและประเทศไทยมีคุณธรรมและศีลธรรมให้ดีขึ้น แล้วเกิดความเจริญก้าวหน้าทางพระพุทธศาสนา
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า เรายังมีนโยบายทางสาธารณสุขที่สำคัญ ก็คือนโยบายหมอประจำตัวทั่วไทย เราจะทำให้คนไทยทุกคนทั่วประเทศ มีหมอประจำตัวภายใน 4 ปี ส่วนนโยบายที่ 3 คือ นโยบายกัญชา โดยเราจะสนับสนุนกัญชาเพื่อทางการแพทย์ กัญชาเพื่อทางเศรษฐกิจ และกัญชาเพื่อทางสังคม โดยจะมีกฎหมายที่เคร่งครัด เหมาะสม และมีผลบังคับใช้จริง เพื่อที่จะไม่ให้เกิดผลเสียต่อเยาวชนในข้อเสียของกัญชา แต่ให้ใช้ข้อดีของกัญชาในการรักษาโรค และทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับรากหญ้าที่จะได้รับผลประโยชน์จากกัญชา ไม่ใช่แต่เพียงพวกที่มีทุนมหาศาลที่จะสามารถลงทุนในเรื่องของการเพาะชำของกัญชาได้
ทั้งนี้ อีก 1 นโยบายที่สำคัญก็คือ พลังธรรมใหม่จะทวง น้ำมันคืนมาให้เป็นของคนไทยทุกคน โดยเราจะใช้วิธีการตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติขึ้น ซึ่งเมื่อไหร่ที่เราทำได้เรื่องลดราคาน้ำมันก็เป็นเรื่องหมูหมู
"วันนี้พรรคพลังธรรมใหม่พร้อมที่จะลงสู้ในสนามเลือกตั้งแล้ว เรามีเป้าหมายที่จะต่อสู้ทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ คือเส้นทางที่เราจะเดิน เราเชื่อมั่นว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมาถึง พรรคพลังธรรมใหม่ต้องประสบความสำเร็จแน่นอน"
เมื่อถามว่าการยุบสภาเร็วหรือช้าจะมีผลต่อพรรคเล็กอย่างไร นพ.ระวี กล่าวว่า สำหรับพรรคเล็กบางพรรคอาจจะยังมีความไม่พร้อมในหลายด้าน แต่สำหรับพรรคพลังธรรมใหม่ ยุบสภาเมื่อไหร่ เราก็พร้อมเมื่อนั้น เราไม่มีปัญหา แต่ยังไงก็แล้ว เท่าที่ดูจากกฎหมายก็ทราบว่า กกต.มีความจำเป็นต้องแบ่งเขต ดังนั้นก็น่าจะใช้เวลา จนถึงสิ้นเดือน ก.พ. หลังจากนั้น ตนก็คิดว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี น่าจะได้เวลาที่เหมาะสม เพื่อที่จะยุบสภาแล้ว