ส.ส.ราชบุรี พปชร. เปิดใจโบกมือลา ปชป.เลือกซบ รทสช. แฉอยู่พรรคเก่ายึดแต่อาวุโส ไม่ดูความสามารถ เผย “บิ๊กตู่” เห็นค่าให้โอกาสทำงานดีกว่า
วันนี้ (2 ก.พ.) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ หรือ ส.ส.มุ่ง ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความชัดเจนทางการเมือง ว่า แม้ตนเป็น ส.ส.สมัยแรก แต่ก็ทำหน้าที่ในสภาเต็มที่ โดยเฉพาะงานในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพาณิชย์ เมื่อ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.พรรค ปชป. แต่โควตาประธาน กมธ. เป็นของพรรค ตนได้ขอผู้ใหญ่ในพรรค ตั้งตนเป็นประธาน กมธ.แม้จะเป็นช่วงปลายรัฐบาล แต่ผู้ใหญ่กลับจะให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคที่มีอาวุโสมากกว่าเป็น ทั้งที่ ส.ส.เขต ทำงานหนักเหมือนทหารราบ ควรที่จะได้ตำแหน่งประธาน กมธ. เพื่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหามากกว่า นี่เป็นสาเหตุหลักที่ตนย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ยิ่งเมื่อตนได้มีโอกาสคุยกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ โดยตรง ถึงปัญหาในพื้นที่ของอำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี ท่านนายกฯได้เห็นถึงความสามารถและความมุ่งมั่นของตนในการทำงานในพื้นที่และในสภา จึงสนับสนุนและให้โอกาสตนขึ้นเป็นประธาน กมธ. เพื่อทำงานให้พี่น้องชาวบ้านโป่ง และพี่น้องชาวราชบุรี มากขึ้น หากผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้ามาได้ ตนจะสานงานต่อ ก่องานใหม่เพื่อพัฒนาบ้านเกิด จะเป็นศักดิ์ศรีหน้าตาของพี่น้องชาวบ้านโป่งจังหวัดราชบุรีโดยไม่ต้องรอคำว่า อาวุโสอย่างเดียว
“ผมเคารพในระบบอาวุโส แต่ก็ควรจะพิจารณาจากความสามารถความมุ่งมั่นในการทำงานให้พี่น้องประชาชนและประเทศชาติประกอบด้วย ถ้าพรรคใดที่ยึดแต่คำว่า อาวุโสอย่างเดียวในการเติบโต หรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง พรรคนั้นก็จะไม่สามารถได้คนที่มีความรู้ความสามารถไปทำหน้าที่บริหารประเทศชาติให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างที่ควร ผมจึงเลือกที่จะอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ให้โอกาสผมมีพื้นที่ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนคนบ้านโป่งที่เลือกผมเข้ามาเพื่อทำงานให้พัฒนาและแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน โดยคิดตัดสินใจอยู่นานว่า ควรจะรักษาผลประโยชน์ของพรรค หรือผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนที่เลือกผม ถ้าอยู่ที่เก่า ที่ยึดแต่ความอาวุโสโดยไม่ดูความรู้ความสามารถ ผมก็จะเป็น ส.ส.ที่ไปยกมือให้คนอื่นเป็นรัฐมนตรี หรือเป็นประธาน กมธ. โดยคนนั้นเอางบฯไปลงแต่จังหวัดของตัวเอง ผมขอเลือกอยู่ที่ใหม่ที่ให้โอกาสผม ได้ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนมากยิ่งขึ้นและจะเป็นโอกาสให้อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีของเราได้รับการพัฒนามากขึ้นกว่าการเป็น ส.ส.ธรรมดา” นายอัครเดช กล่าว