วันนี้(31 ม.ค.)ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายอนุพร อรุณรัตน์ อดีตที่ปรึกษานายกสภาทนายความ ให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา แทนตำแหน่งที่ว่าง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2566 เป็นต้นไป โดยในวันนี้ (31 มกราคม 2566) นายอนุพร ได้เข้ารายงานตัวพร้อมถ่ายภาพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 7 เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเข้าห้องประชุมวุฒิสภาเพื่อกล่าวปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่วุฒิสมาชิกและเป็นการเข้าร่วมประชุมวุฒิสภาครั้งแรกทันที
นายอนุพร เปิดเผยว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ โดยความตั้งใจส่วนตัวนั้น ตั้งใจเข้ามาทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. โดยยึดมั่นปฏิบัติตามพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีความว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” และสอดคล้องกับพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงองค์ปัจจุบันว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” นั่นคือหัวใจของการปกครอง ว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้ประชาชนโดยรวมนั้น อยู่ร่วมกันอย่างมีความผาสุกตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พร้อมกันนี้ มองว่า บทบาทหน้าที่ของส.ว. มีส่วนสนับสนุนร่วมมือกันทำงานกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในการไปรับฟังข้อร้องเรียนความเดือดร้อน เพื่อตอบสนองต่อข้อกังวลและความต้องการของประชาชน นำมาสู่การแก้ไขผ่านระบบรัฐสภา เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความสุข โดยจะใช้ประสบการณ์การเป็นอดีตที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และจากการเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อรับฟังความคิดเห็น ความเดือดร้อนจากประชาชนและทนายความทั้ง 112 เขตอำนาจศาลทั่วประเทศมาแล้ว เพื่อนำมาสะท้อนข้อมูล ข้อคิดเห็น นำเสนอหรือท้วงติงเพื่อให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
“วุฒิสมาชิกนั้น เป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ ต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกกลุ่ม พรรคการเมืองทุกฝ่าย เพื่อรับฟังข้อมูลมากลั่นกรองนำไปสู่การแก้ไข ผมพร้อมทำหน้าที่ ขับเคลื่อนและเสนอแนะด้านกฎหมายรวมถึงหาวิธีเพื่อการพัฒนาที่สอดคล้องตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข“
นายอนุพร กล่าวถึงจุดยืนของตนในฐานะส.ว. ที่จะมีส่วนในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ว่า วุฒิสมาชิกทุกท่านรวมถึงตน มีเจตจำนงรักบ้านรักเมือง ซึ่งในการเลือกผู้นำสูงสุดมาบริหารประเทศต้องมองที่นโยบายการทำงานแนวความคิดทั้งคณะทำงานที่จะจัดตั้งเป็นรัฐบาลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ส.ว.ทุกท่านต่างมีวิจารณญาณในการเลือกเป็นอิสระ จะไปกำหนดให้มีมุมมองเหมือนกันทั้งหมดคงไม่ได้ จึงเห็นว่าควรต้องเคารพการตัดสินใจของแต่ละคน ว่าจะเลือกนายกฯท่านไหนก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายต้องยึดที่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม และเพื่อประโยชน์ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ในแผ่นดินของเรา