วันนี้ (30 ม.ค.) นายนริศ ขำนุรักษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัญหาที่ดินทำกินเป็นปัญหาใหญ่ประการหนึ่งที่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับประชาชน โดยเฉพาะการกำหนดพื้นที่ป่าและพื้นที่สาธารณะทับซ้อนที่ดินทำกินของประชาชน จนกลายเป็นข้อพิพาทต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งปี 2565 ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการจัดชุดเจ้าหน้าที่เดินสำรวจแนวเขตที่ดินทำกินเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยสามารถดำเนินการสำรวจ รังวัดรูปแปลง และออกโฉนดที่ดินเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มากกว่า 45,443 แปลง ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 43,500 แปลง ในพื้นที่ 70 จังหวัด คิดเป็นร้อยละ 104.46
สำหรับในปี 2566 นี้ กระทรวงมหาดไทยได้ตั้งเป้าหมายการแก้ปัญหาที่ดินของประชาชนไว้ที่ 52,000 แปลงทั่วประเทศ ผ่าน 2 โครงการ คือ โครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและรังวัดรูปแปลงโฉนดที่ดินให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งมีเป้าหมายระยะยาวในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อขจัดปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน
นายนริศ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินแล้ว กระทรวงมหาดไทยก็มีการสั่งการในเรื่องที่เป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนด้วย ซึ่งได้มีการมอบหมายและกำชับหน่วยงานงานระดับจังหวัดผ่านการประชุมเพื่อขับเคลื่อนและติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย เช่น เรื่องการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน การบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการบริหารจัดการน้ำเสียร่วมกับองค์การจัดการน้ำเสีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะ โดยได้เน้นย้ำเรื่องการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และความพร้อมของอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องจักรให้พร้อมต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนและเข้าถึงพื้นที่ประสบเหตุในทันที โดยกระทรวงมหาดไทยพร้อมสนับสนุนทรัพยากรทุกอย่างอย่างเต็มที่เพื่อให้ผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่กับประชาชน
“ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่ทำงานอย่างหนักในพื้นที่ทั่วประเทศในเรื่องที่ดินทำกินและการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ผมขอยืนยันว่ากระทรวงมหาดไทยพร้อมที่จะสนับสนุนทุกหน่วยงานในการดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไป” นายนริศ กล่าว