วันนี้(27 ม.ค.)ที่อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน (สามเสน) ดร.จรัลธาดา กรรณสูต
องคมนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นประธานเปิดการอบรม
หลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) รุ่นที่ 3 ว่า พระบาทสมเด็จพระพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ได้ทรงให้ความสำคัญเกี่ยวกับเกษตรกรภาคการเกษตรของไทยว่าต้องมีการค้นคว้าหาความรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆเพื่อพัฒนาเกษตรกรของไทยตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง จึงจะเกิดประโยชน์แก่สังคมและเป็นผลดีต่อประเทศชาติสืบไป จึงเป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เกิดความเข้มแข็งต่อภาคการเกษตรของไทย ซึ่งหลักสูตร วกส. จะเป็นการบูรณาการความร่วมมือกันทุกภาคส่วนเพื่อเป็นเวทีการเรียนรู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรไทยให้มีความเข้มแข็ง โดยมีพลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ร่วมเป็นวิทยากรบรรยาย โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนด้วย
ขณะที่ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า ในช่วงที่มีสถานการณ์แพร่ระบาดของ โควิด-19 ประกอบกับ เกิดสงครามระหว่างประเทศส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ของอาหารส่งผลต่อประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญของโลก จึงถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของการเกษตรไทย ที่ต้องมีการปรับบริบทและเรียนรู้ ที่จะรับมือกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆหลักสูตร วกส. จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร เพื่อยกระดับและพัฒนาการเกษตรของไทยและความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น และเป็นการกระตุ้นสร้างเศรษฐกิจรากฐานให้เกิดความเข้มแข็ง ทั้งยังส่งเสริมการผลิต การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้เป็นประเทศชั้นนำที่มีมาตรฐานสากล ส่งผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมด้านการเกษตรของประเทศดีขึ้น
นอกจากนี้ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรฯ ระบุ นายเฉลิมชัย อยากเห็น หลักสูตรนี้เป็นการเชื่อมโยงเกษตรกรผู้ประกอบการและผู้ส่งออกและหลายหน่วยงานภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงโลจิสติกส์ที่เข้ามาสนับสนุน ช่วยกันยกระดับสินค้าเกษตรทั้งในและการส่งออกต่างประเทศด้วย ซึ่งการเปิดตลาดใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนา เกษตรกรต้องมีการปรับตัวและยกระดับเพื่อสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก หากมีการส่งออกและมีตลาดโลกรองรับได้มากขึ้นสินค้าที่ดีมีคุณภาพของไทยจะเปิดตลาดมีความต้องการได้มากขึ้นสร้างมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรของไทย และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า หลักสูตรวกส. เมื่อมีการร่วมมือกันโดยใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆมาช่วยภาคการเกษตรจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้มากขึ้นมีการแปรรูปได้เอง ภาคเอกชนเข้ามาช่วยสนับสนุนด้านการตลาดการส่งออก ซึ่งที่ผ่านมา 2รุ่น เห็นความสำเร็จในความร่วมมือทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการแล้วว่าสามารถช่วยภาคการเกษตรของไทยได้จริง