ตัวแทนผู้ค้าสลากรากหญ้า ร้อง กมธ.พัฒนาการเมือง เหตุรัฐลดโควตารายย่อย เอื้อให้รายใหญ่ ด้าน “ณัฐชา” เด้งรับจ่อเรียก ผอ.กองสลากฯ ชี้แจงด่วน
วันนี้ (26 ม.ค.) ชมรมกลุ่มผู้ค้าสลากรากหญ้าทั่วไทย และผู้เดือดร้อนจากการบริหารจัดการการปล่อยโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับผู้ค้ารายย่อยทั่วประเทศ นำโดย นายสำอางค์ ซ่อนกลิ่น ประธานชมรมฯ ยื่นหนังสือต่อ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานคณะ กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และ การมีส่วนร่วมของประชาชน เนื่องจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของสำนักงานสลากฯ คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) และคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น การบริหารจัดการดังกล่าวทำให้ประชาชนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จากการที่จะลดโควตาจำนวนสลาก จาก 5 ฉบับ เหลือ 3 ฉบับ แต่กับผู้ค้ารายอื่นที่สำนักงานสลากฯ จะเพิ่มโควตาให้จาก 5 ฉบับ 20 ฉบับ รวมเป็น 25 ฉบับ
“การนำโควตาของรายย่อยที่ลงทะเบียนถูกต้อง และกว่าจะได้สลากมาขายในราคา 80 บาท มีความลำบากมากยิ่งขึ้น ผู้ค้ารายย่อยขายถูกต้องตามกฎกติกา แต่สำนักงานสลากฯ กลับสร้างเงื่อนไขให้ลงทะเบียนยุ่งยากมากขึ้น จนสุดท้ายไม่ได้ขาย แต่คนที่ขายในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการคิดค่าบริการ ขายเกินราคาได้ โดยที่สำนักงานสลากฯ ไม่ทำอะไรกับคนเหล่า แต่กลับผู้ค้ารายย่อย 25,000 คน ถูกตัดสิทธิ เนื่องจากลงทะเบียนไม่ทัน ทำให้ขาดรายได้ในการหาเลี้ยงครอบครัว”
นายสำอางค์ กล่าวว่า แม้จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นสอบถามเรื่องการลดโควตาลง ซึ่งประชาชนมีไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังมีความพยายามลดจำนวนลงให้เหลือ 3 เล่มให้ได้ แบบนี้หมายความว่าอย่างไร การบริหารจัดการของผู้อำนวยการกองสลากฯ มีความไม่ชอบมาพากลในการบริหารจัดการหรือไม่ ประชาชนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการเอื้อให้กับพวกพ้อง หรือเอื้อให้กับผู้ที่ตนเองเห็นว่าอยากจะให้ขายหรือไม่ เพราะการจัดสรรโควตาเป็นไปด้วยความทุลักทุเล พยายามขูดเลือดกับปูกับผู้ค้ารายย่อยแต่ไม่เคยตัดโควตารายใหญ่ แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน มิหนำซ้ำคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมามีแต่มาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น
ด้าน นายณัฐชา กล่าวว่า คณะ กมธ. ไม่นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ เนื่องจากมีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่เดิมการให้โควตาสลาก จำนวน 5 เล่ม กับรายย่อย รายได้ที่ได้ก็ไม่เพียงพอกับค่าครองชีพแล้ว แล้วเหตุใดจึงต้องมาลดจำนวนลงอีก สลากมีการพิมพ์งวดละ 100 ล้านฉบับ แต่ที่ประชาชนผู้ค้ารายย่อยได้ 500 ใบ กลับบอกว่ามากเกินไป แต่กลับบริหารจัดการให้ใครก็ไม่รู้ขายในจำนวนมาก เป็นการขูดรีดเลือดกับปู ทำให้ผู้ค้าอะไรย่อยได้รับความเดือดร้อน สิ่งที่ทำไม่สามารถอธิบายกับสังคมได้ถึงการบริหารจัดการสำนักงานสลากฯ การบริหารจัดการของสำนักงานสลากฯ ถอยหลัง เป็นการบีบบังคับให้ผู้ที่รับสลากโดยตรงจากตู้เอทีเอ็ม มีปัญหาในการนำไปขาย ทำให้คนที่อยากขายให้ไปรับช่วงต่อจากผู้ขายคนที่รับมาในราคา 70 บาท ทำให้ผู้ค้ารายย่อยต้องตั้งราคาขายเพิ่มขึ้น ซึ่งกระบวนการเช่นนี้เป็นการบีบคั้นให้ผู้ค้ารายย่อยต้องขายเกินราคา และมีความผิด ทำให้สำนักงานสลากฯ ตัดสิทธิ แล้วนำสิทธินี้โอนไปให้นายทุน เป็นการแก้ปัญหาที่ผิด บีบบังคับให้ผู้ค้ารายย่อยขายเกินราคาแล้วโยนความผิดต่างๆ ให้กับผู้ค้ารายย่อยทั้งหมด สุดท้ายมีความพยายามหาผลประโยชน์เข้าสู่พวกพ้อง
ทั้งนี้ ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ. และจะเชิญผู้อำนวยการกองสลากฯ มาให้ข้อมูลในชั้นกรรมาธิการ ว่า การบริหารจัดการเช่นนี้เป็นไปด้วยความถูกต้องหรือไม่ และจะทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ต้องตอบคำถามนี้กับพี่น้องประชาชน แม้จะถึงช่วงใกล้เวลายุบสภาแล้ว แต่ตนในฐานะ ส.ส.จะไม่นิ่งนอนใจ จะติดตามเรื่องนี้ให้อย่างใกล้ชิด และจะทำหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้ได้