วันนี้(25 ม.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางสาวภคอร จันทรคณา-นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรค,นายสรกฤช จันทรคณา โฆษกพรรค, นางสาว อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ โฆษกประจำตัว ส.ส.มงคลกิตติ์ฯ,นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข รองโฆษกพรรค ,นางสาวกฤษยากร สรชัย ผู้ช่วยเหรัญญิกพรรค,นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิตต์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค,นายอดิศร สังค์จันทร์ กรรมการบริหารพรรค เดินทางมาร่วมงานประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพสืบสานพลังแห่งศรัทธารักษาประเพณี 107 ปี อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยนายมงคลกิตติ์ และคณะ ได้พบปะพูดคุยคนไทยเชื้อสายจีน คนไทย และ ประชาชนที่มาเที่ยวงานตรุษจีนปากน้ำโพ โดยมีประชาชนได้เข้าทักทายพูดคุยและขอถ่ายรูปกับนายมงคลกิตติ์เป็นจำนวนมาก
นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า จังหวัดนครสวรรค์ ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่เป้าหมายของพรรคไทยศรีวิไลย์ ทั้งนี้ นอกจากจะมีแกนนำพรรคหลายคนที่เคยลงสมัคร ส.ส. ในพื้นที่ และยังเกาะติดทำพื้นที่อย่างสม่ำเสมอแล้ว ทางพรรคฯ ยังเล็งเห็นถึงศักยภาพของจังหวัดนครสวรรค์ในด้านต่างๆ เช่น วัฒนธรรมประเพณีที่เป็นจุดขายที่เข้มแข็งของจังหวัด ทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมมาตั้งแต่สมัยโบราณ และพื้นที่ที่มีความหลากหลายทั้งที่ราบลุ่มเหมาะสมในการทำเกษตรกรรม และพื้นที่อุทยานแห่งชาติที่ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติที่สำคัญ และมีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ดังนั้น ทางพรรค ฯ จึงได้นำเสนอนโยบายที่จะเสริมสร้างรายได้ให้กับประเทศและประชาชน เพื่อที่จะนำไปพัฒนาให้ตรงตามความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ และพร้อมที่จะเร่งรัดโครงการทางรถไฟสายแม่สอด-ตาก-กำแพงเพชร-นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมเศรษฐกิจชายแดนประเทศเมียนมาร์ และตอกย้ำความเป็นเมืองศูนย์กลางคมนาคมของประเทศ รวมทั้ง จะได้นำเสนอบุคลากรของพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ถือเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะพัฒนา จ.นครสวรรค์ และไม่หวั่นไหวต่อสถานการณ์ต่างๆ หรือแรงดึงดูดจากพลังเงินหรือพลังดูดจากพรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งหาได้ยากในการเมืองปัจจุบัน มาเป็นตัวเลือกที่อยากให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครสวรรค์ ได้พิจารณาในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงด้วย
“ถึงแม้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา พรรคไทยศรีวิไลย์จะได้คะแนนรวมกันทั้งจังหวัดเกือบ 1,500 คะแนน และไม่ได้ ส.ส. เขต แต่ก็ถือเป็นคะแนนส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ผมได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ มาดูแลพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ และได้มีสมาชิกพรรคฯ ที่เป็นชาวนครสวรรค์หลายคน มาช่วยกันทำงานให้กับผมที่สภาฯ ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งที่จะถึงในปี 2566 นี้ เนื่องจากกติกาการเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้การที่จะได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 1 คน จะต้องมีคะแนนที่เป็นหลักประกันว่าได้ ส.ส.แน่ๆ ราวๆ 4 – 5 แสนคะแนน ทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคต่างถอดใจ โดยยอมยุบรวมกับพรรคการเมืองอื่นๆ หรือยอมทิ้งพรรคเดิมเพื่อปล่อยให้เฉาตายไปเองตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง แต่ผมก็มองเห็นโอกาสว่า พรรคการเมืองที่เคยส่งผู้สมัคร ส.ส. เขต ตามกติกาเมื่อปี 2562 อาจจะลดเหลืออย่างมากไม่เกิน 10 พรรคต่อเขต เพราะหลายพรรคต่างหวังน้ำบ่อหน้าในคะแนน ส.ส. บัญชีรายชื่อ ถือเป็นช่องทางในการดึงคะแนนที่กระจัดกระจายจากพรรคการเมืองต่างๆ ในปี 2562 ให้มารวมกับพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่มีจุดยืนชัดเจนว่า ‘ไม่ยุบ ไม่รวม ไม่ดูด ไม่ซื้อ’ โดยพร้อมจะส่งบุคลากรที่มีคุณภาพและมีอุดมการณ์ไม่หวั่นไหวต่อสถานการณ์การเมืองภายนอก ให้มาเป็นตัวเลือกของชาวนครสวรรค์ ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ อีกทั้ง จากการพูดคุยกับประชาชนชาวนครสวรรค์ที่มาร่วมงานฯ ก็ได้สะท้อนออกมาว่า ต้องการอยากกระตุกเตือนให้นักการเมืองที่ทำตัวเป็นบ้านใหญ่หรืออดีต ส.ส. คิดว่าย้ายไปพรรคไหนกี่ครั้งๆ ก็ได้กลับมาเป็น ส.ส. นั้น ก็ขอบอกว่า เดี๋ยวนี้คนนครสวรรค์ได้เปลี่ยนแปลงความคิดไปแล้ว โดยพร้อมที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีนโยบายเพื่อประชาชนจริงๆ และมีจุดยืนมั่นคงในการรักษาประชาธิปไตย ไม่ใช่เลือก ส.ส. เพื่อเป็นบันใดให้ลุงคนไหนเป็นนายกฯ ด้วย ” นายมงคลกิตติ์กล่าว
ทางด้าน นางสาวภคอร กล่าวว่า ในฐานะเป็นคนพื้นที่เกิด-เรียนหนังสือ ที่ จ.นครสวรรค์ ได้พานายมงคลกิตติ์ และ คณะฯ มาสักการะ เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ เจ้าแม่ทับทิม เพราะตั้งใจว่า จะปักธง ส.ส.เขต สัก 1 เขตในจังหวัดนครสวรรค์ ทั้งนี้ จากที่ลงพื้นที่ในวันนี้ ตนสังเกตว่า มีความต่างจากการลงพื้นที่ปี 2562 อย่างมาก ตอนนั้นประชาชนไม่รู้จักพรรค ไม่รู้จักตัวตนของ นายมงคลกิตติ์ แต่ปัจจุบัน ประชาชนส่วนมากรู้จักพรรคไทยศรีวิไลย์ รู้จักติดตามการทำงานของ มงคลกิตติ์ว่าเป็นคนตั้งใจทำงานมาก ไม่เคยทิ้งประชาชน เห็นความทุกร้อนของประชาชนเป็นภาระของตนเอง ลงพื้นที่มาตลอด 4 ปีที่ทำงานทั่วทุกจังหวัด รับปัญหา แก้ไข ประสานงาน สำเร็จทุกเรื่อง งานอภิปรายในสภาฯ เสนอแนะรัฐบาลก็เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของประเทศและประชาชน มีลีลาและสไตส์การพูดตรงๆ ไม่ต้องแปล ไม่ต้องอ้อมค้อม และได้ปกป้องผลประโยชน์ที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง 3 ชิ้น คือ 1. การอภิปราย ยับยั้ง แบบถึงลูกถึงคน การจัดซื้อเครื่องบินการบินไทย 38 ลำ 156,000 ล้านบาท ปี 62 ทำให้ ceo บอร์ด การบินไทย ลาออกหนีหมดเพราะกลัวติดคุก ทำให้รัฐบาลไม่สามารถซื้อได้ จนมาถึงช่วง โควิดระบาด การบินไทยก็เจ้ง หยุดไปกว่า 2 ปีครึ่ง ถ้าวันนั้นซื้อ ก็ต้องเป็นหนี้รอการขายเป็นเครื่องมือ2 แบบถูกๆ 2.การอภิปรายบี้กระทรวงการคลังเร่งสู้คดีภาษีโตโยต้า รุ่น พรีอุส ซึ่งตามตรวจสอบบี้ ร้องเรียนทุกจุด ตั้งแต่ปี 2556 จนศาลฏีกามีคำตัดสินถึงที่สุดให้ บจก.โตโยต้า(ประเทศไทย) ต้องจ่ายภาษีให้รัฐบาลไทยถึง 11,667 ล้านบาท 3.การร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ฟ้องศาลปกครอง ให้ยับยั้งการที่รัฐบาล ออกมติ ครม.ให้กระทรวงมหาดไทย ออกระเบียบให้ต่างชาติลงทุน 40 ล้านบาท สามารถถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ 1 ไร่ ปัจจุบัน รัฐบาลถอยถอนเรื่องไปแล้ว ยังมีผลงานอีกมากมาย ซึ่งการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคไทยศรีวิไลย์ น่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มากกว่า พรรครวมไทยสร้างชาติรวมกับพรรคพลังประชารัฐ อีกทั้ง ยังสามารถชนะเลือกตั้ง ส.ส.เขต บางเขตได้ คิดว่าน่าจะไม่น้อยกว่า 10 ที่นั่ง แน่นอน