“โรม” ซัด “พล.อ.ประวิตร” พร้อมจับมือทุกฝ่าย ชี้ คนไทยเสียหายพอแล้วจาก 3 ป. ดักคอ ทุกพรรคจับมือเผด็จการระวังสูญพันธุ์ ไม่ให้ราคานโยบาย “พปชร.” เพราะหัวหน้าพรรคยังโดดประชุม ครม.
วันนี้ (18 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุ พร้อมประสานงานกับทุกฝ่ายเมื่อวานนี้ (17 ม.ค.66)
โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่าการที่พลเอกประวิตรได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ ว่าสามารถทำงานกับทุกฝ่าย ประสานงานกับทุกฝ่ายได้ ตนในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า วันนี้สิ่งที่สังคมต้องการจะเห็นคือ ต้องการออกจากระบอบ 3 ป. เมื่อย้อนกลับไปเมื่อวันที่มีการรัฐประหาร ปี 2557 จนถึงวันนี้ เราจะพบว่าบ้านเมืองไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า
“เศรษฐกิจ ปากท้องปัญหาของพี่น้องประชาชน ปัญหาในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่เลวร้าย สิ่งที่เด่นชัดไม่ต้องอะไรมาก ดูการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถึงขนาดต้องมีการกวาดล้าง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทาจำนวนเกือบ 100 คน ถามว่าใครที่มีบทบาทในการกำกับดูแล ก็ท่านนายกฯไม่ใช่หรือครับ ท่านประวิตรไม่ใช่หรือครับ”
นายรังสิมันต์ ย้ำว่า สิ่งเหล่านี้เด่นชัดว่า ระบอบ 3 ป.ทำลายประเทศไทย วันนี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องการ โจทย์ที่ประเทศไทยต้องการหลังจากนี้ คือการออกจากระบอบแบบนี้ ประเทศไทยไม่ควรจะมีผู้นำชื่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และการที่พล.อ.ประวิตร บอกว่าพร้อมประสานกับทุกฝ่ายนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากเห็น
ทั้งนี้ ย้ำว่า พรรคก้าวไกลมีจุดยืนที่ชัดเจน จะไม่มีทางทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร และก็เป็นที่น่าตั้งคำถามว่าแล้ว พล.อ.ประวิตร จะทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้หรือไม่ ดังนั้น จึงถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเริ่มต้นกันใหม่ ด้วยการออกจากชายร่มเงาที่ชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร
“หากพรรคการเมืองไหนที่ร่วมทำงานกับคนเหล่านี้ ผมไม่เชื่อว่าประชาชนจะสนับสนุนพรรคการเมืองเหล่านี้ด้วยเหตุผลนี้ พ.ศ.2566 ถึงเวลาที่ประเทศไทย ต้องออกจากชายที่ชื่อว่าประยุทธ์ ออกจากร่มเงาของชายที่ชื่อว่าประวิตร ผมอดคิดไม่ได้ว่าทำงานได้กับทุกฝ่ายแต่จะสามารถทำงานกับพลเอกประยุทธ์ได้หรือไม่”
เมื่อถามว่า เป็นการตอกย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะไปจับมือกับ พล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ได้มองลึกถึงตรงนั้น อย่างที่ตนบอกว่าพรรคการเมืองใดไปจับมือกับ พล.อ.ประวิตร เชื่อว่า ยากที่ประชาชนจะสนับสนุน
“มันปฎิเสธไม่ได้ว่าพลเอกประวิตรกับพลเอกประยุทธ์เข้ามาด้วยกัน ประเทศไทยเป็นแบบนี้ 2 คนนี้มีบทบาทสำคัญ แล้วประชาชนก็จำได้ดี ดังนั้นถ้าเกิดว่าพรรคการเมืองไหนไปจับมือกับพลเอกประวิตร ผมคิดว่ายากที่ประชาชนจะสนับสนุน”
เมื่อถามถึงพรรคพลังประชารัฐจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยกันหรือไม่ นายรังสิมันต์ ตอบทันทีว่า อย่าเพิ่งไปมองไกลถึงอนาคตขนาดนั้น จากการลงพื้นที่ พบว่า ประชาชนไม่อยากเห็นการพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย จับมือกับพรรคฝ่ายเผด็จการ ดังนั้น โอกาสที่โจทย์แบบนี้จะเกิดขึ้น ต้องคำนึงถึงความรู้สึกประชาชนด้วย สมัยก่อนอาจทำได้ แต่ปัจจุบันสังคมพัฒนาแล้ว ประชาชนชัดเจนว่าต้องการอะไร หากพรรคการเมืองไม่มีจุดยืนที่จะสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย ก็มีโอกาสสูญพันธุ์ได้
“การเมืองยุคก่อน อาจจะมีการดีลอะไรบางอย่างกัน โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไร สมัยก่อนอาจจะเป็นไปได้ แต่ผมคิดว่าพัฒนาการ ของสังคมของเรา การเมืองของเรามาเด่นชัด ว่าวันนี้ประชาชน ต้องการอะไร วันนี้พรรคการเมืองต่างๆ ถ้าคุณไม่มีจุดยืนที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย ผมคิดว่าโอกาสที่จะสูญพันธุ์มีสูงมาก”
เมื่อถามว่าแสดงว่า เป็นการเตือนไปยังพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายรังสิมันต์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่ได้เตือนไปยังพรรคใด ถึงที่สุดแล้ว ทุกพรรคไม่มีทางจะทำงานร่วมกับ พล.อ.ประวิตร ที่ทำหน้าที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอด ประชนชนคงคิดว่า น่าจะพอแล้ว
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐ เปิดนโยบายเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาท นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ลาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อไปเปิดนโยบาย ทั้งที่อยู่ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งการประชุม ครม.คือการทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน และการลา ครม.แบบนั้น จะทำให้ปัญหาของประชาชนจะได้รับการแก้ไขหรือไม่ ดังนั้น นโยบายใดที่มาจาก พล.อ.ประวิตร ตนไม่ให้ราคา ไม่เชื่อว่า นโยบายต่างๆจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น วันนี้ต้องเปลี่ยนผู้นำรัฐบาล เชื่อว่า การเมืองหลังจากนี้ หากแข่งขันกันในเชิงนโยบาย จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ และพรรคก้าวไกลก็พร้อมจะทำหน้าที่นั้น