xs
xsm
sm
md
lg

ไทย-อินเดีย กระชับความร่วมมือการวิจัย ยาและเวชภัณฑ์ “อนุทิน” หนุน 3 ประเด็นด้านสุขภาพเพิ่มจุดแข็ง 2 ประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไทย-อินเดีย กระชับความร่วมมือการวิจัย ยาและเวชภัณฑ์ รองนายกฯ อนุทิน หนุน 3 ประเด็นด้านสุขภาพ เพิ่มจุดแข็ง 2 ประเทศ ชื่นชมอินเดียเป็นประธาน G20 ชูโลกหนึ่งเดียวไม่แบ่งแยกการพัฒนา

วันนี้ (18 ม.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 66 ระหว่างเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส-คลอสเตอร์ สมาพันธรัฐสวิส นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้พบหารือกับ นายมานซุกร์ ลัคมาน มันดาวิยา (Mansukh Laxman Mandaviya) รมว.สวัสดิการสาธารณสุขและครอบครัว (Minister for Health and Family Welfare) และ รมว.เคมีภัณฑ์และปุ๋ย (Minister for Chemicals and Fertilizers) อินเดีย

นายอนุทิน และ นายมานซุกร์ ได้หารือถึงแนวทางที่ไทยและอินเดียจะกระชับความร่วมมือกันเพิ่มขึ้น ในประเด็นสาธารณสุข การวิจัย ยา และเวชภัณฑ์ จากปัจจุบันที่ 2 ประเทศมีความร่วมมือผ่านกรอบพหุภาคีและทวิภาคีต่างๆ ซึ่งเฉพาะความร่วมมือด้านสาธารณสุข ปัจจุบันไทยและอินเดียมีความร่วมมือผ่านบันทึกความร่วมมือ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ MOU ระหว่างกรมการแพทย์และ Indian Council of Medical Research เพื่อร่วมกันการวิจัยทางสุขภาพและทางการแพทย์ และ MOU ระหว่างกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกับสถาบันอายุรเวทแห่งชาติ เมืองชัยปุระ ในการร่วมมือทางวิชาการสาขาการแพทย์อายุรเวทและการแพทย์แผนไทย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ระหว่างหารือนายอนุทินชื่นชมต่อประเด็นด้านสุขภาพ 3 ประเด็นที่รัฐบาลอินเดียกำลังให้ความสำคัญในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการขับเคลื่อนด้านสุขภาพที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญ และมีความยินดีหากทั้ง 2 ประเทศจะได้ร่วมมือกันทั้ง 3 ประเด็น ได้แก่

1) การป้องกันภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ การเตรียมการ และการตอบสนอง 2) การแก้ปัญหาด้วยสาธารณสุขดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาการให้บริการสุขภาพเพื่อสนับสนุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และ 3) การเสริมสร้างความร่วมมือภาคเภสัชกรรม เพื่อให้มีมาตรการตอบโต้ทางการแพทย์ เช่น วัคซีน การบำบัดรักษา และการวินิจฉัย โดยเน้นที่คุณภาพ การเข้าถึง และความสามารถในการจ่ายเงิน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณที่รัฐบาลอินเดียได้มอบเครื่องผลิตออกซิเจน (Oxygen Concentrator) จำนวน 300 เครื่อง และวัคซีน Covovax ซึ่งเป็นวัคซีนเทคโนโลยีแบบโปรตีนเบสจำนวน 200,000 โดส แก่รัฐบาลไทยในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และได้แลกเปลี่ยนถึงความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย

พร้อมกันนี้ นายอนุทิน ได้แสดงความยินดีในโอกาสที่อินเดียเข้ารับตำแหน่งเป็นประธาน G20 ในปี 66 และชื่นชมต่อวิสัยทัศน์ของอินเดียในช่วงการเป็นประธาน ที่จะให้ความสำคัญกับหัวข้อ One Earth, One Family, One Future นั่นคือ มองโลกเป็นเพียงหนึ่งเดียวโดยไม่ต้องการแบ่งแยกประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อการร่วมมือกับทุกประเทศในการสร้างอนาคตที่ดีร่วมกัน โดยอินเดียมีกำหนดจัดประชุมระดับผู้นำ G20 ณ กรุงนิวเดลี ระหว่างวันที่ 9-10 ก.ย. 66 ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้อวยพรให้อินเดียประสบความสำเร็จกับการประเป็นประธาน G20 ในปีนี้ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น