วันนี้(16 ม.ค.)นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟสบุ๊คว่าวันนี้ตนเห็นคนที่โดนตำรวจจับ โดนดีเอสไอเรียกสอบ ก็ตะแบงบอกว่ากำลังจะตั้งพรรคการเมือง โดยน่าจะเอาเงินดำมาฟอกเงิน เพื่อสร้างอิทธิพลให้ตัวเองนั้น ตนคิดว่า ไร้สาระ ยิ่งดิ้น ยิ่งเหมือนลิงแก้แห แก้ไม่ถูกที่ แก้ไม่ถูกจุด สงสัยเพราะขาดความรู้ ขาดประสบการณ์ และ ไม่รู้กฏหมาย สักแต่คิดว่ามีเงิน จะทำอะไรก็ได้
"ผมจึงอยากหยิบยกอดีตมาสอนเป็นบทเรียน สมัยก่อนเมื่อย้อนไปปี พ.ศ.2550 มีแชร์ข้าวสารเกิดขึ้น จดบริษัทขายตรงใหญ่โต เปิดบริษัทชักชวนคนมาลงทุน มีการปิดสนามกีฬาแบบราชมังคลาฯ ทำโฆษณาชวนเชื่อ โดยมีการหลอกให้มาซื้อข้าวสารโดยขายเป็นหุ้น มีการจดทะเบียน โดยบริษัทแชร์ข้าวสาร ซึ่งตอนนั้นอ้างว่า ทำธุรกิจขายตรง จำหน่ายข้าวสารและเครื่องอุปโภคบริโภค โดยใช้ระบบสมาชิกเป็นเครือข่ายโดยลงทุนหุ้นละ 600-700 บาท แต่ได้กำไรถึง 2,000 บาทภายใน 6 เดือน พอโดนดีเอสไอเข้าตรวจสอบ ก็ได้มีการจดทะเบียนพรรคการเมืองชื่อพรรคไทยร่ำรวย"
นายสามารถ กล่าวต่อว่า ในเวลาตอนนั้นบริษัทแชร์ข้าวสารดังกล่าวมีลูกค้าทั่วเชียงใหม่ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ฐานฉ้อโกงประชาชนมากกว่า 400 ราย แล้วปรากฏว่า ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.50 ในกลุ่มจังหวัดที่ 1 คือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน สุโขทัย ตาก และ จ.กำแพงเพชร ทั้งหมด 50 เก้าอี้ ส.ส.นั้น พรรคไทยร่ำรวย ส่งผู้สมัครเข้าชิงเก้าอี้ ส.ส.เกือบครบทุกเก้าอี้ ทุกเขตเลือกตั้ง ยกเว้น จ.แม่ฮ่องสอน 2 เก้าอี้เท่านั้น
ส่วนที่เหลือ 48 เก้าอี้ “พรรคไทยร่ำรวย” ส่งผู้สมัครครบทุกเก้าอี้ ซึ่งในพื้นที่กลุ่มจังหวัดที่ 1 นี้หากนับเฉพาะจำนวนผู้สมัครที่พรรคส่งลงชิงชัยแล้ว พรรคไทยร่ำรวยส่งผู้สมัครมากเป็นอันดับที่ 5 รองจากพรรคเพื่อแผ่นดิน-ประชาธิปัตย์-พลังประชาชน-มัชฌิมาธิปไตย ที่ส่งครบทั้ง 50 เก้าอี้ แต่สุดท้ายพรรคดังกล่าวไม่ได้ ส.ส. แม้แต่คนเดียว
ซึ่งต่อมาดีเอสไอได้จับกุมเป็นคดีพิเศษที่ 79/2550 บริษัทดังกล่าวตกเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นผู้ประกอบธุรกิจขายตรงฯ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 48,54 กรณีสืบเนื่องวันที่ 1 ส.ค.2549 - 28 พ.ย.2550 จำเลยทั้งสอง กับพวกอีกหลายคน ร่วมกันโฆษณาหลอกลวงประชาชนให้เข้ามาเป็นสมาชิกร่วมลงทุน ซื้อสินค้าเป็นหุ้นโดยหลอกลวงจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ให้ยืมเงินอัตราสูงพร้อมดอกเบี้ยเกินกว่าที่สถาบันการเงินจะจ่ายได้ตามกฎหมาย ซึ่งสุดท้ายคดีนี้ผู้กระทำผิดติดคุกเรียบร้อย และศาลมีคำสั่งให้ชดใช้เงินคืนให้กับผู้เสียหาย 444 ราย
"ผมคิดว่านิทานมันจะซ้ำเรื่องเดิมหรือไม่ พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า "ยํ เว เสวติ ตาทิโส คบคนเช่นใดย่อมเป็นคนเช่นนั้น"สงสัยจะเป็นจริงดังคำพระพุทธเจ้าสอน เรื่องนี้เห็นตอนต้นแล้ว ไม่ต้องทำนายตอนจบเลย"