ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เปิดภาพลับชัดขึ้นอีก...อดีตรองนายกฯ รสนิยมปีนต้นงิ้ว “ทนายตั้ม”ใบ้เพิ่มเกี่ยวข้องกับ มท.-ชอบตีกอล์ฟ “ยงยุทธ” ยืนยันไม่ใช่ตัวเองแน่นอน
ว่าด้วย “อดีตรองนายกฯ” ที่มีพฤติกรรม“เล่นชู้” กับ ภรรยาผู้อื่น จนสามีเข้าปรึกษากับ “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ “ทนายตั้ม” เพื่อฟ้องคดี หลังจากข่าวแพร่สะพัดออกไป คนทั่วพาราก็ถามไถ่กันให้ควั่ก ใครหนอ อดีตรองนายกฯคนที่ว่า กระทั่งมีคำใบ้ออกมาว่า เป็นอดีตรองนายกฯ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รวมไปถึงการโพสต์ “อักษร ย.ยักษ์” ลอยๆ ของ “ทนายตั้ม” ในเวลาต่อมา ทำให้บรรดากูรูผู้เชี่ยวชาญวิชา “เชื่อมโยง” เล็งไปที่ อดีตรองนายกฯที่มีอักษร “ย” ในชื่อโดยพลัน
อดีตรองนายกฯสมัยยิ่งลักษณ์ มีหลายคน แต่หนักๆ ที่ถูกพาดพิงเห็นจะเป็น “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” อดีตรองนายกฯ อดีตรมว.มหาดไทย และ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) วันก่อนฝากคำปฏิเสธ “พี่ไม่ไหวแล้ว อายุ 80แล้ว ไม่ใช่พี่แน่นอน” มากับ “โจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มาเมื่อวาน (9ม.ค.) ก็เคลื่อนไหวให้สัมภาษณ์ ยืนยันนอนยันว่า “เหตุการณ์ทั้งหมด ยืนยันไม่ใช่ตัวเองแน่นอน เพราะอดีตรองนายกรัฐมนตรี มีตั้งหลายคน” พร้อมๆกับบอกว่า ทราบเรื่องที่ทนายตั้มออกมาแถลงหมดทุกอย่างแล้ว กำลังจัดการอยู่ อยากให้พรรคเพื่อไทยขับ “ษิทรา”ออกจากพรรคด้วย
ตัดภาพไปที่งานแถลงข่าวเมื่อวานของ “ทนายตั้ม” ที่มาตามนัด ว่าจะทำให้สังคมได้รู้จัก “อดีตรองนายกฯ” ที่ทุกคนอยากรู้มากขึ้น โดยทนายคนดังตั้งโต๊ะเปิดเผย ยอมรับคงเอ่ยชื่อตรงๆไม่ได้ และไม่อาจจะเอ่ยถึงพรรค หรือสมัยอะไรต่อหน้าสื่อเยอะๆ แบบนี้ เพราะจะเหลือรองนายกฯ ไม่กี่คน ระบุตัวตนไปก็จะถูกฟ้องได้ แต่บอกว่ารองนายกฯที่พูดถึง อย่างแรกเป็นอดีตรองนายกฯ อย่างที่สอง เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย แต่เกี่ยวข้องยังไง ต้องไปทำการบ้านกัน เกี่ยวข้องคือ เคยเดินผ่าน หรือเคยทำงาน หรือเคยบริหาร ต้องเดากัน ข้อที่สาม ชอบ “ตีกอล์ฟ” แต่ไม่ชอบ “สนามกอล์ฟอัลไพน์”
งานนี้นอกจากบอกใบ้ให้เบาะแสเพิ่ม ฟังว่า “ทนายตั้ม” ยังพูดถึงประเด็นการเมือง ก็ไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทยจะออกมาแถลงเกี่ยวอะไรด้วย เพราะคนคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งหลังจากไปหาข้อมูลมา พบว่าไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ปี 2561 แล้ว หรือกว่า 5 ปีแล้ว ที่คนคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย และเรื่อง “เล่นชู้” ก็เกิดขึ้นหลังจากที่ออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยมาแล้ว
“ทนายตั้ม” ยังได้เปิดเผย “ภาพลับ”ในโทรศัพท์มือถือที่ลูกความ หรือ “นาย ก.” สามีของภรรยาที่อดีตรองนายกฯ ชวนปีนต้นงิ้ว โดยเป็นภาพชายหญิงเปลือยกายกอดกัน ขณะที่ผู้ชายมีผมสีขาว โดยที่ผู้หญิงได้ยกมือถือถ่ายภาพหน้ากระจกในห้องพักแห่งหนึ่ง
จากภาพคาดว่า เหตุเกิดช่วงเดือนตุลาคม ปี 2565 นาย ก. มาหาปรึกษาทนายตั้ม ช่วงเดือนธันวาคม โดยได้อธิบายข้อกฎหมายกับนายก. ไปว่า เคสนี้ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นเรื่องทางแพ่ง ที่ใครก็ตามที่มายุ่งกับภรรยาที่จดทะเบียนสมรสของเรา สามารถฟ้องเรื่องชู้สาว เรียกค่าทดแทนได้ และสามารถฟ้องหย่าเรียกค่าทดแทนจากภรรยาและคนที่มาเป็นชู้ได้
หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ทนายคนดังจึงเดินเรื่องฟ้อง เมื่อประมาณวันที่ 29 หรือ 30 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา เป็นการฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายและฟ้องหย่าด้วย ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าเป็นข่าวหรืออะไร แต่เกิดจากที่ นาย ก. นอกจากถูกข่มขู่โดยมีชายฉกรรจ์ตามมาที่คอนโดเขาบ้าง ส่งคนตามไปล้อมที่โรงพักบ้าง
เรียกว่า สามีผู้ชอกช้ำโดนข่มขู่คุกคามในทุกรูปแบบ แต่ขณะเดียวกันอดีตรองนายกฯเมื่อรู้ว่า สามีของภรรยาที่ตัวเองแอบ“เล่นชู้” รู้เรื่อง ก็ได้พยายามทวงข้าวของเงินทองต่างๆ ที่เคยให้กับผู้หญิงคืน รวมทั้งไปแจ้งความกับว่าถูกยักยอกฉ้อโกงหลอกลวง เขาไม่ใช่การให้ด้วยการเสน่หา
ต้องบอกว่า เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ ให้หลายๆคนได้รับรู้ถึงจริยธรรม-คุณธรรม ของนักการเมืองที่มีพฤติการณ์สมควรถูกประณาม ขณะที่ “ทนายตั้ม” ย้ำว่า ถึงแม้ไม่เคยแพ้คดีหมิ่นประมาท แต่ก็เสียเวลา จึงต้องเซฟตัวเองด้วย การไม่ระบุชื่อไปตรงๆ โต้งๆ ว่า เป็นใคร แต่สัญญาว่า ถึงเวลาแล้วที่จะได้รู้ว่า รองนายกฯคนนี้คือใคร?
สรุปว่าตอนนี้คือใครก็ยังเป็นปริศนา ซึ่งต่อมาบนแฟนเพจเฟซบุ๊กของ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ข้อความสื่อไปถึง "ยงยุทธ" ที่พาดพิงเขาเอาไว้ ว่า ..."อ้าว คุณยงยุทธ ผมยังไม่ได้พูดชื่อคุณเลย ร้อนตัวอะไรหรือเปล่าครับ แล้วจะมาขับผมออกจากพรรคเพื่อไทยทำไม ในเมื่อผมเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่มีความนิยมชมชอบในพรรคเหมือนประชาชนทั่วไปมาหลายปีแล้ว ผมทำผิดอะไรในการให้คำแนะนำกับลูกความ และช่วยปัดเป่าทำความสะอาดพรรค ไม่ให้พรรคมัวหมอง"
มาถึงตรงนี้ มองอย่างไรเรื่องนี้ต้องมีตอนต่อให้ติดตามแหง๋มๆ
**“ลุงตู่”เข้า รทสช. เป็นนักการเมืองเต็มตัว ประกาศที่ต้องมายืนตรงนี้ก็เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน
ฤกษ์งามยามดี 9 ม.ค. เป็นวันที่ “ลุงตู่” เปิดตัว เปิดใจสมัครเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ประกาศเป็นนักการเมืองเต็มคาราเบล โดยทางพรรคเตรียมจัดงาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” รอต้อนรับ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เพื่อไม่ต้องมีข้อครหาเบียดบังเวลาราชการ และใช้ทรัพยากรของทางราชการ ไปเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ในช่วงเช้า “ลุงตู่” ได้ทำหนังสือขอลากิจ โดยแจ้งถึงรัฐมนตรีทุกคน ว่าขอลากิจในวันจันทร์ที่ 9 ม.ค.66 ตั้งแต่เวลา13.00 น. เป็นต้นไป
แต่“ลุงตู่”ก็ยังปฏิบัติงานอยู่ที่ทำเนียบฯ จนถึงเวลา 15.00 น. จึงเดินทางกลับเข้าบ้านพัก เพื่อเปลี่ยนรถยนต์ จากรถประจำตำแหน่ง เป็นรถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนชุดจากเครื่องแบบข้าราชการสีกากี เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว คลุมด้วยเสื้อแจ็กเกตลำลองสีดำ ก่อนเดินทางไปศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยไม่มีขบวนรถนำ ไม่มี รปภ. ติดตามเหมือนตอนปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่อยู่ทำเนียบฯ ก็ได้มีเรื่องให้ฮือฮา เมื่อ “ลุงตู่”ตวัดปากกา เซ็นหนังสือตั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ไป 3 คนรวด มี เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้อีสาน” ที่เดิมเคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะลาออกเพื่อไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ไว้รองรับลุงตู่... อีกคนคือ “ชุมพล กาญจนะ” อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี 7 สมัย และอดีตกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกมาเพื่อมาอยู่กับ “ลุงตู่” โดยเฉพาะ... และยังมี “ชัช เตาปูน” ชัชวาลล์ คงอุดม อดีตหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทย ก็ได้รับการแต่งตั้งด้วย
สำหรับบรรยากาศในงานต้องรับลุงตู่ ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ คึกคักเป็นพิเศษตั้งแต่ช่วงบ่าย มีทั้งแฟนคลับที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด คนดังที่มาสร้างเซอร์ไพรส์ ร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรค อย่างเช่น “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” อดีตผู้ว่าฯกทม. ก็มาสมัครเป็นสมาชิพรรค บอกต้องมาช่วยเจ้านายเก่า... หรืออย่าง “รังสิมา รอดรัศมี” ส.ส.สมุทรสงคราม ที่แม้ยังไม่ได้ลาออกจากปชป. แต่ก็บอกว่าได้ทำโพลแล้ว ชาวบ้านอยากให้มาอยู่กับ“ลุงตู่” ดังนั้นมาแน่ ...ยังมี "หนุ่มเสก" เสกสรร ชัยเจริญ นักร้องชื่อดังยุค 90 ก็มาร่วมงาน เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรค อยากมาช่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ และหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อให้ลุงตู่อยู่ต่อ แต่ถ้าพรรคจะส่งลงสมัครส.ส.ก็ยินดี ...เรียกว่าบรรยากาศในงานคึกคักสุดๆ
กระทั้งเวลา 17.24 น. “ลุงตู่” ก็เดินทางถึงศูนย์ฯสิริกิติ์ โดยมี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นำแกนนำพรรค รอต้อนรับ ท่ามกลางเสียตะโกน... ลุงตู่สู้ๆ หลังจากนั้น ได้ทำการสมัครเป็นสมาชิกพรรค แบบตลอดชีพ เสียเงินค่าสมาชิก 2,000 บาท เสร็จแล้ว นายพีระพันธุ์ เป็นผู้สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีขาว ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้ “ลุงตู่” พร้อมถ่ายภาพร่วมกัน
และแล้ว ไฮไลต์ ที่ทุกคนรอคอยคือช่วง “ลุงตู่” เปิดใจก็มาถึง “ลุงตู่” ทักทายแฟนคลับว่า พวกเราคือคนไทยที่มีหัวใจเดียวกัน ทั้งคนที่นี่ และที่อยู่ทางบ้าน วันนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ...อยากบอกว่าผมลบภาพลักษณ์ของตัวเองไม่ได้ เพราะเป็นทหารมาทั้งชีวิต แต่ก็พยายามปรับตัวมาตลอด...
...เราต้องยึดมั่นในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ นี่คือหัวใจของคนไทยทั้งชาติ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด... ดังนั้นอยากบอกว่าที่ต้องมายืนตรงนี้ ก็เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ...และที่มายืนตรงนี้เพราะเคารพในกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทย ไม่ได้มาเพราะอยากอยู่ต่อ แต่อยากพูดกับทุกคนว่า ประเทศไทยต้องไปต่อ วันนี้ถ้ารวมใจ รวมคนไทย รวมไทยสร้างชาติ ปัญหาทุกอย่างเราแก้ได้แน่!!
...หากย้อนไปตั้งแต่ปี 2562 เราเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่มีงานของเราที่ทำไม่จบ จึงจำเป็นก้าวมาสู่ตรงนี้ หลายอย่างต้องทำต่อ ทำใหม่ ทำเพิ่ม ทำอย่างไรให้เดินหน้าไปให้ได้ และในเมื่อตัดสินใจทางการเมืองร่วมกับพรรคนี้ หวังว่ามีโอกาสทำเรื่องต่างๆได้ ที่ต้องมายืนตรงนี้ เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของพวกเราทุกคน พวกเราต้องไปร่วมกันให้ได้ จับมือชูไปด้วยกัน ต้องฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน และทุกอย่างขึ้นอยู่ที่เสียงของประชาชนตัดสินใจ...
ในช่วงท้าย “ลุงตู่” บอกว่า จริงๆ คิดมาหลายวัน คิดมาหลายเดือน ว่าไปตรงไหนดี กลับบ้านนอนเลยดีกว่าไหม แต่ก็คิดว่าถ้ากลับบ้านนอนแล้วเราจะนอนหลับหรือ... สุดท้ายก็ต้องเลือกว่าทำอย่างไรต่อไปดี ต้อง“รวมไทยสร้างชาติ” ผมเป็นคนพูดคำนี้ไว้เองว่า ถ้าประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าต้องรวมไทยสร้างชาติ ... จากนั้น “ลุงตู่” ปิดท้ายด้วยการนำร้องเพลง “ศรัทธา” ของวงหินเหล็กไฟ พร้อมตะโกนดังๆ ว่า รวมไทยสร้างชาติ!!