มติเสียงข้างมากศาลรธน. 8 ต่อ 1 วินิจฉัยป.วิอาญาเฉพาะส่วนที่กำหนดเหตุที่ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหา-จำเลยไว้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (28ธ.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 71 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 66 วรรคหนึ่ง(1) และ (2) เฉพาะส่วนที่กำหนดเหตุที่ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้ โดยให้นำเหตุที่จะออกหมายจับตามมาตรา 66 มาใช้โดยอนุโลมซึ่งเหตุตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า(1) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปีหรือ(2) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีหรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการหนึ่ง ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 26 วรรคหนึ่ง มาตรา 28 วรรคหนึ่ง และมาตรา 29 วรรคหนึ่ง และยังมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1 วรรคหนึ่ง(2) (3)(4) และ (5)ที่กำหนดเหตุที่ศาลสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราวกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันไม่น่าเชื่อถือ หรือการปล่อยชั่วคราวจะเป็นอุปสรรค หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงาน หรือการดำเนินคดีในศาล ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 26 วรรคหนึ่ง มาตรา 28 วรรคหนึางและมาตรา 29 วรรคสอง และวรรคสาม
ทั้งนี้คดีดังกล่าวผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายจิรัฎฐ์ รุ่งอุทัย ขอให้เสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 231 (1)ว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 71 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 66 วรรคหนึ่ง (1) และ(2) และมาตรา 108/1 วรรคหนึ่ง (2)(3)(4) และ (5) เฉพาะส่วนที่กำหนดเหตุการณ์ควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยอาศัยเหตุอื่นนอกจากเพื่อป้องกันมิให้มีการหลบหนีมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 26 วรรคหนึาง มาตรา 28 วรรคหนึ่ง และมาตรา 29 วรรคสอง และวรรคสาม หรือไม่