xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯปลื้มไทยมีส่วนแบ่งยอดขายรถ EV ไตรมาส 3 ปี 65 มากสุดในภูมิภาค พร้อมหนุนลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ยินดีไทยมีส่วนแบ่งยอดขายรถ EV ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2565 มากที่สุดในภูมิภาค พร้อมเดินหน้าส่งเสริมการลงทุนและสร้างระบบนิเวศรองรับตลาดรถ EV

วันนี้ (28ธ.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ประเทศไทยมีส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล (EV) ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2565 เกือบร้อยละ 60 ซึ่งมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากรายงานของบริษัทวิจัยตลาด Counterpoint ซึ่งเปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล (EV) เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564 และพบว่าประเทศไทยมีมูลค่าการซื้อขายรถ EV สูงที่สุดในภูมิภาค คิดเป็นส่วนแบ่งทั้งหมดประมาณร้อยละ 59.2 ตามมาด้วยอินโดนีเซียร้อยละ 25.2 และสิงคโปร์ ร้อยละ 11.8 โดยรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle) มีมูลค่าการซื้อขายคิดเป็นร้อยละ 61 ของทั้งหมด ในขณะที่เหลือเป็นแบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) โดยบริษัทที่มียอดขายสูงสุดอันดับแรกคือ Wuling ตามด้วย Volvo, BMW, ORA และ Mercedes-Benz ตามลำดับ

รายงานของบริษัทวิจัยตลาด Counterpoint ยังเปิดเผยว่า ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แม้จะยังคงมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น โดยตลาดยานยนต์ไฟฟ้ามีส่วนแบ่งเพียงร้อยละ 2 ของรถยนต์ทั้งหมด แต่ถือได้ว่าตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจัยด้านนโยบายที่สนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายประเทศในภูมิภาคทั้งไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ทำให้บริษัทต่างๆ กำลังวางแผนที่จะจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค พร้อมคาดการณ์ว่าจะมีการซื้อขายรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี ค.ศ. 2030 มากกว่า 3.5 ล้านคัน

“นโยบายของรัฐบาลสอดคล้องกับแนวโน้มของหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งต่างให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนโยบาย EV 30@30 ที่มีเป้าหมายผลิตรถ EV ในไทยให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2030 พร้อมมีมาตรการสนับสนุนด้านราคารถ EV ส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ และสถานีชาร์จไฟฟ้า เพื่อสร้างระบบนิเวศรองรับตลาดรถ EV มีส่วนช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดรถ EV ในไทย และยังทำให้ไทยเป็นที่น่าจับตามองจากนักลงทุนในการพิจารณาใช้ไทย เพื่อเป็นฐานของห่วงโซ่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนรถยนต์” นายอนุชาฯ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น