xs
xsm
sm
md
lg

“อ.ไชยันต์” จี้สาวถึงต้นตอ ครูบูลลี่ พล.อ.เปรม อ้างเสริมที่เรียนมา “ยิ่งชีพ” เขียนถึง “ก้อง” ผู้ต้องหา 112 ผู้ใสซื่อ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร จากแฟ้ม
ยิ่งชี้แจงยิ่งชวนสงสัย! “อ.ไชยันต์” จี้สาวให้ถึงต้นตอ ครูบูลลี่ พล.อ.เปรม อ้างเสริมที่ร่ำเรียนมาสอนเด็ก “ชาวเน็ต” สงสัยเรียนมาจากไหน สอนให้เหยียดหยามดูถูกคนอื่น “ยิ่งชีพ” เขียนถึง “ก้อง ทะลุราม” น้องใสซื่อดี?

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (23 ธ.ค. 65) จากกรณีเด็กนักเรียนถ่ายคลิปครูสาวโรงเรียนดังใน กทม. กำลังสอนวิชาสังคมศึกษา แต่กลับใช้คำพูดพาดพิงในลักษณะบูลลี่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษ และอดีตประธานองคมนตรี ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม

ล่าสุด ครูสาวรายนี้ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริง โดยระบุตอนหนึ่งว่า ได้สอนเรื่องการปกครองระบอบเผด็จการ ซึ่งวัตถุประสงค์แท้จริงของการสอน เพื่อให้นักเรียนเข้าใจในเนื้อหาและกระบวนการปกครองของระบอบเผด็จการ โดยผู้สอนลืมคำนึงถึงขอบเขตของหลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ จึงนำแนวคิดและเนื้อหาเสริมจากที่ได้ร่ำเรียนมาสอนเพิ่มเติมให้กับนักเรียน

เรื่องนี้ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า

ควรเปิดโอกาสให้คุณครูเพ็ญภาส ได้อธิบายถึงแหล่งที่มาของข้อมูลที่เธอกล่าวถึง พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ตามที่คุณครูได้ทำหนังสือชี้แจง (ดูเอกสารข้างล่าง) ว่า ได้กล่าวไปตามที่ได้ร่ำเรียนมา ดังประเด็นต่อไปนี้

1. พลเอก เปรม เป็นเผด็จการ ?

2. เพศสภาพของ พลเอก เปรม (ตามที่คุณครูกล่าว) ?

3. การใช้อำนาจในตำแหน่ง ในการตอบสนองความต้องการในข้อ 2 จนคุณครูเรียกบ้านพักของพลเอก เปรม ว่า เป็น ฮาเร็ม ?

เราควรให้โอกาสคุณครู ก่อนตัดสินอะไรไปล่วงหน้า
เป็นไปได้ว่า ข้อมูลที่คุณครูได้มาจากการศึกษาของท่าน เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็ควรตรวจสอบทางวิชาการ ว่า ข้อมูลนั้นอ้างอิงถูกต้องเพียงใด


ก่อนหน้านั้น นายไชยันต์ ได้โพสต์ข้อความว่า การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ด้วยการโกหก การหลอกลวง และ การบิดเบือนข้อมูล นอกจากจะไม่ช่วยให้ต่อสู้กับเผด็จการได้แล้ว ยังจะยิ่งทำลายเสรีภาพและประชาธิปไตยอีกด้วย ยิ่งมีทฤษฎีสมคบคิดและข้อมูลบิดเบือนที่เพิ่มขึ้น ทั้งในสื่อและในสังคมมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นในประชาธิปไตยถดถอยมากขึ้นเท่านั้น เพราะมันจะทำให้เราสูญเสียความไว้วางใจกันและกันในสังคม ในสถาบันที่ให้ข้อมูลแก่เรา

และสุดท้าย ก็คือ ในกระบวนการประชาธิปไตยของเราเอง ความสำนึกในความรับผิดชอบต่อข้อมูลในชีวิตประจำวันที่เราแชร์กันก็จะลดน้อยลงไปด้วย กลุ่มคนที่สมคบคิดหลอกลวง จะหลบหนีการตรวจสอบ โดยการทำให้ความจริงกลายเป็นความเท็จ และความเท็จกลายความจริง และไม่ว่าในกรณีใดๆ เราก็จะไม่สามารถพิสูจน์หาความจริงอะไรกันได้เลย

ดังนั้น เราควรหันมาสื่อสารกันอย่างรับผิดชอบตรวจสอบและแลกเปลี่ยนข้อมูลหลักฐานกันและกันมากกว่าที่จะดึงดันที่จะใช้เสรีภาพในการพูดตามความเชื่อของเราฝ่ายเดียว เพราะนั่นไม่ใช่การถกเถียงด้วยข้อมูลและเหตุผล แต่เป็นการพูดฝ่ายเดียวตามอำเภอใจ

และมันคือ จุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะให้ตัวเองกลายเป็นเผด็จการในอนาคต เพราะ เผด็จการ คือ คนที่ชอบใช้อำนาจตามอำเภอใจ โดยไม่ฟังเสียงคนอื่นไม่ใช่หรือ ?

และการดำรงอยู่ของเผด็จการมักต้องโกหก หลอกลวง บิดเบือนข้อมูล ไม่ใช่หรือ ? (ขอขอบคุณนักวิชาการฝรั่งท่านหนึ่งที่ห่วงใยปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในประชาธิปไตยทั่วโลกขณะนี้ และให้แรงบันดาลใจผมในการเขียนเรื่องนี้)

ภาพจากเฟซบุ๊ก The METTAD
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก The METTAD ได้แชร์ข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่่แสดงความเห็นต่อหนังสือชี้แจงของครูสาวที่บูลลี่ พล.อ.เปรม ว่า “สงสัยค่ะว่าจบการศึกษามาจากที่ไหน เพราะ “จึงนำแนวคิดและเนื้อหาเสริมจากที่ได้ร่ำเรียนมาสอนเพิ่มเติมให้กับนักเรียน” เกิดความสงสัยว่ามหาวิทยาลัยที่จบมานี่ สอนให้เหยียดหยาม ดูหมิ่นคนอื่น โดยปราศจากหลักฐานเหรอคะ”

ภาพ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ กับ ก้อง ทะลุราม ขอบคุณข้อมูล-ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก The METTAD
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ภาพ คู่ “ยิ่งชีพ” กับ “ก้อง ทะลุราม” ผู้ต้องหา 112 ที่ถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี 30 เดือน พร้อมข้อความระบุว่า

“อ่านดูครับน้อน มันสอนอะไรได้เยอะ โดนหลอกมาบูชายัญ เขาทำกันแบบนี้แหละ”

นอกจากนี้ ยังแชร์โพสต์เฟซบุ๊ก Yingcheep Atchanont ของ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์ - iLaw) เขียนถึง “ก้อง” ว่า

“เจอน้องก้องครั้งแรกกลางปี 2565 ในงานอบรมที่ไปช่วยเป็นวิทยากรเกี่ยวกับกฎหมายที่ควรรู้ในงานเคลื่อนไหวทางการเมือง รู้แต่ว่าเรียนนิติศาสตร์รามคำแหง และเพิ่งเข้าไปอยู่กลุ่ม “ทะลุราม” เป็นผู้เข้าร่วมที่ตั้งใจทำกิจกรรมอย่างดี รู้สึกว่าน้องน่าจะได้เรียนรู้ประโยชน์จากข้อมูลที่เราศึกษามาในวันนั้นไปไม่น้อย

บุคลิกของก้องเป็นคนใสซื่อ คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น
คำกฎหมายหรือภาษาวิชาการยังไม่เข้าปากมากนักแต่พยายามหยิบถ้อยคำ เช่น ความยุติธรรม สิทธิเสรีภาพ มาใช้ในการอธิบายความคิดตัวเอง

มารู้ภายหลังว่า ก้องเองยังเป็นจำเลยคดีมาตรา 112 ก้องอายุไม่เยอะเพิ่งเลย 20 มานิดเดียว นับว่าเป็นเยาวชนก็ได้ ตามกฎหมายเมื่อเลยแล้วก็ถูกดำเนินคดีแบบผู้ใหญ่ ไม่ได้ลดหย่อนโทษแบบเด็ก ผมติดต่อกลับไปหาก้องเพื่อถามว่าคดีของเขาเป็นอย่างไร และจะมีกำหนดนัดขึ้นศาลอย่างไร ก้องจำวันได้ไม่แม่นทั้งหมด แต่หลายวันหลังจากนั้นก็โทร.กลับมาระหว่างกำลังประชุม “สวัสดีครับพี่เป๋า ผมจะโทร.มาแจ้งวันนัดที่พี่เคยถามครับ ตอนนี้ผมทราบแล้ว” เป็นน้องที่ใสซื่อดี

เราเจอกันอีกครั้งในงานเสวนา ประเด็นรัฐธรรมนูญใหม่ ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผมเห็นก้องเดินผ่านเลยทักทาย แล้วน้องก็เดินตรงเข้ามา ผมถามไถ่ความคืบหน้าของคดี ก้องบอกว่า เตรียมไปศาลแล้วจะรับสารภาพ ด้วยความรู้สึกเป็นห่วง และเคารพ จึงขอถ่ายรูปคู่กันไว้ในวันนั้น

พอขึ้นศาลก้องให้การรับสารภาพ การสืบพยานก็เลยเสร็จวันนั้นเลย วันนัดที่โทร.มาบอกกันผมก็ไม่ได้ไปเลยซักนัดเดียว แล้ววันนี้ก็มาได้ทราบว่าศาลพิพากษาให้จำคุก 5 ปี 30 เดือน จากเฟซบุ๊ก 5 โพส และยังไม่สั่งให้ประกันตัว คืนนี้ก้องเข้านอนที่เรือนจำ

นี่อาจจะเป็นคดีที่ประกันตัวได้ยากที่สุด เพราะจำเลยรับสารภาพแล้ว ศาลอาจมองว่า ไม่มีประเด็นอะไรมากนักให้ต้องต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์อีก นอกจากขอให้รอการลงโทษได้หรือไม่

สักวันหนึ่งเราจะกลับมาพบกัน
คงไม่นานนักถ้าตีนยังเหยียบย่ำอยู่บนดิน
สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่เราทำได้เพื่อก้อง คือ การไม่ลืมครับ Never Forget
รู้จักก้องเพิ่มเติมได้ทาง https://freedom.ilaw.or.th/node/1165

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 ที่ศาลอาญาถนนรัชดา นายอุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุล หรือ ก้อง นักกิจกรรมกลุ่มทะลุราม ซึ่งเป็นจำเลยที่ถูกฟ้องในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) และ (5) จากการใช้บัญชีเพจเฟซบุ๊ก John New World เพจแบ่งปันข่าวการเมืองที่มีคนติดตามมากกว่า 57,000 คน เผยแพร่ข่าวเท็จรวม 5 โพสต์ หนึ่งในนั้นคือข่าวเรื่องอาการพระประชวร ได้มาฟังคำพิพากษา โดยศาลเห็นว่า จำเลยมีความผิดทั้งหมด 5 กรรม ลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี รับสารภาพลดเหลือ 1 ปี 6 เดือน ความผิดจำนวนรวมจำคุก 5 ปี 30 เดือน

แน่นอน, ทั้งสองประเด็นมีความน่าสนใจคล้ายกัน คือ การต่อสู้ทางความคิด ความเชื่อ ที่ถูกปลูกฝังโดยคนบางกลุ่ม เพื่อหวังผลทางการเมือง โดยอ้างต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ปฏิรูปสถาบันหลักของประเทศ โดยพยายามที่จะแทรกซึมเข้าไป “ทำงานความคิด” กับเด็กและเยาวชนในโรงเรียนด้วย

แล้วผลสะท้อนที่ออกมา ก็คือ การแสดงออกในสิ่งที่ไม่เหมาะควร อย่างกรณี ครู บูลลี่ พล.อ.เปรม โดยอ้างเป็นการเสริมข้อมูลจากที่ได้ร่ำเรียนมา หรือ “ก้อง ทะลุราม” ถึงขั้นกระทำความผิดต่อ ป.อาญา ม.112 ฐานหมิ่นเบื้องสูง

แต่ที่หลายคนเห็นตรงกันก็คือ ทั้ง “ครู บูลลี่ พล.อ.เปรม” และ “ก้อง ทะลุราม” ต่างก็ตกเป็นเหยื่อของคนบางกลุ่ม ที่เคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง และปลุกปั่นให้เกิดการต่อต้านสถาบันหลักของประเทศ และ “บุคคลสำคัญ” ที่เป็นสัญลักษณ์เชิงอำนาจ

ดังนั้น คำว่า “สาวให้ถึงต้นตอ” ก็น่าจะหมายถึงกลุ่มคนที่คอยปลุกปั่นทางสังคมให้เกิดการต่อต้านสถาบันหลักของประเทศ และ “บุคคลสำคัญ” ที่เป็นสัญลักษณ์เชิงอำนาจนั่นเอง!?


กำลังโหลดความคิดเห็น